วันมงคลหรือฤกษ์งามยามดี เป็นความเชื่อ เป็นวัฒนธรรมของไทยที่มีสืบทอดมาแต่โบราณตั้งแต่รุ่นปู่ย่าตายาย การวันมงคลหาฤกษ์ หายาม ต้องดูข้อห้ามวันห้ามต่างๆ ร่วมด้วย ซึ่งวันห้ามโบราณเรียบเรียงเป็นบทเพื่อง่ายในการจดจำ ซึ่งหลายท่านอาจจะได้ยินคุ้นหูมาบ้าง คือ
"ขึ้นบ้านวันเสาร์ เผาผีวันศุกร์ โกนจุกวันอังคาร แต่งงานวันพุธ พุธห้ามตัด พฤหัสห้ามถอน สงฆ์ 14 นารี 11"
ซึ่งแต่ละวันจะมีความหมายในแง่ความเชื่อและโหราศาสตร์พออธิบายได้ดังนี้
ขึ้นบ้านวันเสาร์
วันเสาร์ตามหลักโหราศาสตร์ แล้วถือกันว่าเป็นวันเหนื่อย วันแห่งโทษทุกข์ เพราะดาวเสาร์จัดเป็นดาวแห่งบาปเคราะห์ การขึ้นบ้านใหม่ ต้องการความร่มเย็น ความสุขและความมั่นคงถาวร ความเจริญ ดังนั้นคนโบราณจึงห้ามมิให้ประกอบพิธีเกี่ยวกับการปลูกสร้าง บ้านเรือน เช่น การยกเสาเอก วางศิลาฤกษ์ เปิดป้ายอาคาร เปิดร้าน เปิดบริษัท หรือแม้กระทั่งการย้ายเข้าสู่บ้านใหม่ในวันเสาร์
เผาผีวันศุกร์
ตามคติโบราณท่านห้ามทำการฌาปนกิจศพ หรือเผ่าศพกันในวันศุกร์ เพราะชื่อของวันศุกร์นั้น ไปคล้องจองกับคำว่า "สุข" ดังนั้นเมื่อเอาความสุขไปให้คนตาย เป็นการกระทำอันไม่เป็นมงคล ความทุกข์ทั้งหลายก็จะต้องตกมาถึงคนเป็นหรือผู้ที่ทำการดังกล่าว ส่วนอีกเหตุผลหนึ่งก็คือ ดาวศุกร์เป็นดาวรื่นเริง บันเทิงใจ ดาวสังคม และความรัก ซึ่งตรงกันข้ามกับความทุกข์ ความหม่นหมอง ดังนั้นคนโบราณจึงได้ห้ามการกระทำดังกล่าวเอาไว้และมีคำพูดที่ให้ท่องกันติดปากว่า "เผาผีวันศุกร์ ให้ทุกข์คนยัง"
โกนจุกวันอังคาร
วันอังคารนั้นถือว่าเป็นวันแรงวันหนึ่ง เพราะดาวอังคารคือดาวแห่งเทพเจ้าของสงคราม คนโบราณท่านว่าวันเจ้าแห่งสงครามนี้เหมาะแก่การออกรบหรืองานที่ต้องการความแข็งแกร่ง ความเด็ดขาดมากกว่า ไม่ควรใช้วันดังกล่าวเพื่อกระทำการที่เป็นมงคล หรือต้องการความร่มเย็น ความผาสุก และลาภผลต่างๆ เช่นการโกนจุก การขึ้นบ้านใหม่ มงคลสมรส เป็นต้น เพราะถ้าหากนำวันนี้ไปใช้แล้วก็อาจจะมีการทะเลาะวิวาทกัน หรือมีอุบัติเหตุเกิดขึ้นก็ได้ เพราะดาวอังคารยังจัดเป็นดาวแห่งอุบัติเหตุอีกด้วย
แต่งงานวันพุธ
ในทางโหราศาสตร์ ดาวพุธเป็นดาวแห่งความแปรปรวน ไม่แน่นอน ดาวพุธมักมีการโคจรที่ผิดปรกติอยู่เสมอ เดี๋ยวดี เดี๋ยวร้าย เดี๋ยวเร็ว เดี๋ยวเดินช้า หรือกลับเดินถอยหลัง ด้วยสาเหตุดังกล่าวคนโบราณจึงถือว่าดาวพุธเป็นดาวที่หาความแน่นอนและความมั่งคงไม่ได้ จึงไม่ควรเป็นอย่างยิ่งที่จะใช้วันนี้เป็นวันประกอบพิธีมงคลสมรส เพราะอาจจะทำให้คู่บ่าวสาวมีจิตใจที่โลเล ไม่มั่นคงกับคู่ครองของตนเอง ซึ่งจะนำพาไปสู่การนอกใจและหย่าร้างกันในที่สุด
พุธห้ามตัด , พฤหัสห้ามถอน
วันพุธห้ามตัดผม และตัดไม้ เพราะวันพุธเป็นวันแห่งการเจริญเติบโตและวิวัฒนาการ ถือว่าถ้าตัดผมวันพุธจะทำให้ปัญญาทราม ส่วนวันพฤหัสนั้นเป็นวันครูเป็นวันที่นิยมเรียนวิชา ทำให้มีความเจริญก้าวหน้า รุ่งเรือง ดังนั้นไม่ควรถอน หรือโค่นทำลายสิ่งใดๆก็ตาม และในวันพฤหัสนี้ทางโบราณยังห้ามเรื่องการแต่งงานอีกด้วย เพราะวันนี้คือวันครู ดังนั้นไม่ควรกระทำการดังกล่าวในวันนี้เพราะถือว่าเป็นการไม่เคารพนับถือครูบาอาจารย์
สงฆ์ 14 , นารี 11
ความหมายคือ ท่านห้ามมิให้ทำการใดๆ ให้แก่พระสงฆ์ ในวันขึ้น ๑๔ ค่ำ และแรม ๑๔ ค่ำทั้งสิ้น เช่น การบวชนาค การอุปสมบท และการฉลองพระเป็นต้น เพราะถือกันว่าวันนั้นเป็นวันโกน พระสงฆ์ทุกรูปจะต้องปลงผมในวันนั้น ถือเป็นการตัดราศีของพระท่าน จึงไม่ควรให้ท่านทำการมงคลใดๆ ส่วนนารี 11 โบราณท่านห้ามมิให้ทำการใดๆ ก็ตามที่เกี่ยวข้องกับสตรีเพศในวันขึ้น ๑๑ ค่ำและวันแรม ๑๑ ค่ำ ไม่ว่าจะเป็นการเปิดสมาคมสตรี เปิดโรงเรียนสตรี หรือเปิดหอพักสตรีก็ตาม "เป็นความเชื่อโบราณ"
ความเชื่อต่างๆ เหล่านี้ เป็นเพียงความเชื่อโบราณซึ่งท่านถือเป็นคติสืบต่อกันมา จริงๆ แล้วความเชื่อเกี่ยวกับวันต้องห้ามของโบราณนั้นยังมีอยู่อีก แต่เป็นความเชื่อที่เรามักจะไม่เคย หรือเคยได้ยินมาบ้าง ไม่บ่อยเท่าวันต้องห้ามดังกล่าวเหล่านี้
เราซึ่งอยู่ในยุคปัจจุบัน ยังคงไม่สามารถหาเหตุผลได้ถึงคติความเชื่อเหล่านี้ว่าทำไม คนโบราณถึงต้องกำหนดกะเกณฑ์วันทำการดังกล่าวว่าวันนี้ทำได้หรือไม่ได้ โดยใช้เหตุผลของท่าน อย่างไรก็ตามคนไทยกับความเชื่อในหลายๆ เรื่องก็ยังคงแยกกันไม่ขาดแม้แต่ในยุคปัจจุบันก็ตาม
ทำไมต้องห้ามเผาศพในวันศุกร์
จากหนังสือ 108 ซองคำถาม / สำนักพิมพ์สารคดี , เสฐียรโกเศศเล่าไว้ในหนังสือ 'การตาย' ว่า การห้ามเผาศพในวันศุกร์นั้น เป็นสิ่งที่ฝรั่งเรียกว่า Sympathetic Magic คือ สิ่งใดมีลักษณะคล้ายคลึงกัน สิ่งนั้นก็เป็นผลเหมือนกัน วันศุกร์ชื่อก็บอกว่า สุข ถึงจะมีคำแปลต่างกัน แต่เสียงเหมือนกันก็ขึ้นชื่อว่า สุขอยู่นั่นเอง ถือกันว่าเป็นวันดี
การเผาผีถือเป็นเรื่องไม่เป็นมงคล ถ้าเผาในวันศุกร์ ก็อาจจะถูกลากให้ความสุขได้รับอิทธิพลของความไม่เป็นมงคล ทำให้กลายเป็นทุกข์ไปได้ บางทีก็เชื่อกันว่า 'เผาผีวันศุกร์ ให้ทุกข์แก่ญาติ'
แต่ก่อนถือกันว่า ห้ามเผาศพในวันคู่ข้างขึ้น วันคี่ข้างแรมเป็นอัปมงคล เรียกว่า ผีเผาคน ต้องเผาวันคี่ข้างขึ้น วันคู่ข้างแรม เรียกว่า คนเผาผี เพราะแรม ๑ ค่ำ เท่ากับวันที่ 16 ของเดือนจันทรคติ กลายเป็นวันคู่ไป ส่วนวันแรม ๒ ค่ำ เท่ากับวันที่ 17 ของเดือนจันทรคติกลายเป็นวันคี่ไป
เพราะฉะนั้นการเผาวันคู่ในข้างแรมจึงเท่ากับเป็นวันคี่เหมือนกัน ที่ให้เผาวันคี่ อธิบายในเชิงปริศนาธรรมได้ว่าความตายเป็นของเฉพาะตัว จะเอาไปให้คนอื่นตายแทนไม่ได้ วันเผาจึงต้องเป็นวันคี่
นอกจากนี้ยังห้ามเผาศพในวันพฤหัสบดีและวันพระอีกด้วย เพราะวันพฤหัสบดีถือว่าเป็นวันครู ไม่ควรให้อัปมงคลเข้ามาเกลือกกลั้วในวันนั้น สำหรับการเผาศพในวันพระอาจทำให้สัตว์ที่อาศัยอยู่กับศพหรือที่หีบศพพลอยเสียชีวิตไปด้วย ถ้าใครตาย วันเสาร์ ห้ามเผาในวันอังคาร เพราะถือว่าเป็นวันกล้าในคติโหราศาสตร์ ถ้าเผาวันนั้นผีจะดุ
การห้ามเผาวันคู่ในข้างขึ้น เผาวันคี่ ในข้างแรม ในระยะ 7 วัน วันแรกเป็นแรม ๑ ค่ำ เป็นวันจันทร์ ก็จะเผาได้แต่วันอังคาร วันพฤหัสบดี วันศุกร์ และวันอาทิตย์ ถ้าวันศุกร์และวันพฤหัสบดีห้ามเผาด้วย ก็เหลือแต่วันอังคาร และวันเสาร์ ที่เผาผีได้ ถ้าเผอิญศพนั้นตายวันเสาร์ ก็ต้องตัดวันอังคาร ออกวันหนึ่ง เหลือแต่วันอาทิตย์เพียงวันเดียวใน 7 วัน
แต่ในสมัยนี้ไม่ค่อยเคร่งครัดเหมือนแต่ก่อน เท่าที่ถือกันอยู่ คือห้ามเผาผีวันศุกร์ ในกรุงเทพฯ นั้น วัดดัง ๆ ส่วนมากเมรุไม่ค่อยว่าง ต้องจองคิวกันนาน จึงอนุโลมเผากันทุกวัน วันละหลาย ๆ รอบด้วยซ้ำ
ที่มา/อ้างอิง/ผู้เขียน : จักรกฤษณ์ - มายโหรา.คอม (www.myhora.com)
หมายเหตุ : เนื้อหาข้างต้นเผยแพร่แก่สาธารณะเพื่อประโยชน์ทางการศึกษา/วิทยาทานเท่านั้น
บันทึก : วันเสาร์ที่ 24 ธันวาคม พ.ศ.2554
No comments:
Post a Comment