Piteethai Ceremony
Friday, November 30, 2018
หลวงปู่มั่นแนะนำ วิธีการ “นั่งสมาธิ” ที่ถูกต้อง ทำจิตใจให้สะอาดผ่องใส
การนั่งสมาธิ นั้นเป็นสิ่งที่ดีและเป็นสิ่งที่ทำให้เรานั้นมีสมาธิมากขึ้นในหลายๆด้าน ไม่ว่าจะเป็นการด้านใช้ชีวิต ด้านความคิด การมีสติในการที่จะทำอะไรต่างๆ ทำให้จิตใจของเรานั้นตั้งมั่นมีจิตที่ผ่องใสสงบสบาย และการภาวนาก็คือการทำให้ใจนั้นเที่ยงตรงต่อเหตุผล อรรถธรรม และรู้จักที่จะปฏิบัติต่อตนเองและหลายๆสิ่ง ไม่ยึดติดกับสิ่งต่างๆทำให้เรานั้นมีความสุขมีความสงบในการใช้ชีวิต
การที่เราแล้วจะนั่งสมาธิภาวนา ทำได้ไม่ยากก็แค่ให้เริ่มจากหาสถานที่ที่เป็นสงบ จากนั้นก็ให้เรานั่งเอาขาขวาทับขาซ้ายและมือขวาทับมือซ้าย จากนั้นก็ตั้งหลังให้ตรง ตั้งสติให้มั่น ไม่ก้มและไม่เงยหน้าทำตัวให้สบาย จะนั่งบนอะไรก็ได้ไม่ว่าจะเป็นเก้าอี้หรือแล้วแต่ตามสะดวก หากถ้าเรานั้นเริ่มต้นใหม่ๆก็อาจจะมีการที่ปวดขามากเป็นธรรมดา แต่ครูบาอาจารย์ท่านบอกว่าให้เรานั้นพยายามต่อสู้กับความเจ็บปวดที่เกิดขึ้น แต่ถ้าหากเรานั้นสู้ไม่ไหวจริงๆก็ให้เปลี่ยนท่าอิริยาบถหรือออกไปเดินจงกลมเพื่อผ่อนคลายก็ได้
เมื่อเรานั้นได้นั่งเข้าที่เรียบร้อยแล้วก็ให้เรากล่าวคำอธิษฐานภาวนา เป็นการบูชาพระพุทธเจ้า ผู้เป็นครูของเทวดาและมนุษย์ทั้งหลาย บูชาพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ โดยให้เรานั้นก้าวตามดังนี้
“สาธุ ข้าพเจ้าจะนั่งสมาธิภาวนา บูชาคุณพระพุทธเจ้า บูชาคุณพระธรรม บูชาคุณพระสงฆ์ บูชาคุณบิดามารดา บูชาคุณครูอุปัชฌาย์อาจารย์ ตลอดจนผู้มีพระคุณทั้งหลาย ขอจงเป็นพลวปัจจัยแด่พระนิพพานของข้าพเจ้า และขอให้ข้าพเจ้ามีสติปัญญาเฉลียวฉลาด สามารถรู้แจ้งถึงพระนิพพาน เอาชนะกิเลสความไม่ดีทั้งหลายที่อยู่ภายในใจได้ตลอดกาลนานเทอญ”
หลังจากที่เรานั้นได้ทำการกล่าวคำอธิษฐานเสร็จเรียบร้อยแล้วก็ให้เรากำหนดคำบริกรรมภาวนาพร้อมกับลมหายใจเข้าว่าพุท และหายใจออกโธ หายใจเข้าธัม หายใจออกโม หายใจเข้าสัง หายใจออกโฆ จากนั้นก็ให้รำลึกถึงคำบริกรรมภาวนา พุทโธ ธัมโม สังโฆ 3 รอบ จากนั้นก็ให้เรานั้นเอาคำบริกรรมภาวนา พุทโธ แต่เพียงแค่คำเดียว ตั้งสติไว้ที่ปลายจมูกของเรา ลมหายใจเข้าพุทธ คอร์ดลมหายใจออกโธ มันจะทำให้เรานั้นมีสติและมีจิตที่นิ่งกับการนั่งสมาธิ มีสมาธิในการที่จะทำสิ่งที่ทำอยู่นั่นเองค่ะ
และก็ให้เรานั้นมันกระทำบำเพ็ญอยู่เป็นประจำ ขาดเธอเราเริ่มทำ 2 ครั้งก็อาจจะทำให้จิตใจของเรานั้นสงบได้ยาก ควรที่จะทำเป็นประจำอยู่สม่ำเสมอจึงจะเกิดผลดีให้กับเรานั่นเองค่ะ
และหลวงปู่มั่นนั้นก็ได้สอนให้ใช้คำบริกรรมภาวนาปลดว่าพุทโธ ก็เผื่อว่าที่จะต้องการให้เรานั้นน้องเอาคุณของพระพุทธเจ้ามาไว้อยู่ที่ใจของเรา ธัมโม น้องเอาคุณของพระธรรมเจ้ามาไว้ที่ใจ ส่วนสังโฆ ต้นน้ำเอาคุณของพระสงฆ์สาวกผู้ปฏิบัติธรรมมาไว้ที่ใจ อย่างที่ว่าคือมีพระพุทธเจ้า พระธรรม รับพระสงฆ์อยู่ในใจของเรานั่นเองค่ะ
เมื่อเรานั้นจะเลิกจากการนั่งสมาธิภาวนาก็ให้เรานั้นยกมือพนมขึ้นระหว่างคิ้วตรงศีรษะ 1 ครั้ง และพร้อมกล่าวคำว่าสาธุภายในใจ จากนั้นก็ให้แผ่เมตตาให้กับตัวเอง อธิษฐานเสร็จก็แผ่ส่วนบุญส่วนกุศลให้กับผู้ที่มีอุปการะสรรพสัตว์ทั้งหลาย หรือเจ้ากรรมนายเวรตามดังนี้
“ด้วยอานิสงส์ผลบุญที่เกิดจากการนั่งสมาธิภาวนา ข้าพเจ้าขอแผ่ส่วนบุญไปให้แก่บิดามารดา ปู่ย่าตายาย ญาติพี่น้องทั้งหลาย มิตรสหายทั้งหลาย เทวาอารักษ์ทั้งหลาย เจ้ากรรมนายเวรทั้งหลาย พระอินทร์ พระพรหม ยม ยักษ์ ครุฑ คนธรรภ์ กุมภัณฑ์ นาคทั้งหลาย รุกขเทวดา อากาศเทวดา ภุมเทวดา เปรต ผี อสุรกายทั้งหลาย สรรพสัตว์ทั้งหลาย ทั้งที่มีชีวิตอยู่และหามีชีวิตไม่ ขอให้ท่านทั้งหลายเหล่านั้น จงมีแต่ความสุขกายสุขใจ อย่าได้มีเวรมีภัย อย่าได้เบียดเบียนซึ่งกันและกันเลย จงอยู่เป็นสุขเสมอเถิด ขอจงได้รับส่วนแห่งบุญที่ข้าพเจ้าได้กระทำบำเพ็ญในครั้งนี้ด้วยเทอญ”
เห็นไหมการนั่งสมาธิบำเพ็ญภาวนานั้นไม่ได้เป็นเรื่องที่ยากอะไรเลยค่ะ เพียงแค่เรานั้นและสามารถควบคุมสมาธิสติของเราให้อยู่กับตนเองได้ เมื่อทำบ่อยๆจะเกิดผลดีกับคุณอย่างแน่นอนในหลายๆด้าน จะทำให้คุณนั้นเป็นคนใจเย็น มีสมาธิมีสติในการใช้ชีวิตหรือการทำอะไรต่างๆก็ตาม ไม่ว่าจะเป็นการทำงาน การคิด การพูด ของคุณนั้นจะดีขึ้นอย่างแน่นอนเลยทีเดียวเชียว หากใครอยากลองนั่งสมาธิเป็นประจำก็เริ่มซะตอนนี้เลยนะคะ ค่อยๆนั่งไปเดี๋ยวก็ทำได้อย่างแน่นอน
ขอบคุณที่มา adchips.com
https://www.piteethai.com/content/5947/4-อย่าง-ชาวพุทธควรมีศรัทธาต่อศาสนาพุทธ
5 สิ่งสำคัญ จัดงานแต่งงาน Outdoor จัดงานกลางแจ้ง
5 สิ่งสำคัญ ที่ควรคำนึงถึงการจัดงานแต่งงานกลางแจ้ง หรือ งานแต่งงาน Outdoor
สถานที่จัดงาน .. ต้องทราบก่อนนะคะ.. ว่าสถานที่จัดงานของเราเป็นแบบไหนอย่างไร? ทุ่งหญ้า พื้นดิน พื้นหิน พื้นปูน พื้นทราย ริมทะเล สนามหญ้า สนามฟุตบอล พื้นที่โล่ง .. และบริเวณรอบๆ ของที่จัดงานของเราเป็นอย่างไรด้วยนะคะ.. เป็นป่ารก เป็นบ้านร้าง หรือบ้านคน หรือริมคลอง ริมทะเล ฯลฯ ความแตกต่างของสถานที่ .. ก็มีหลายปัจจัยด้วยกันนะคะ.. ที่นี้ เราจะมาพูดถึง 5 สิ่งนี้กันนะคะ...ที่สำคัญคะ
1. เครื่องปั่นไฟ เราต้องรู้ก่อนว่า สถานที่นั้น ต้องใช้ไฟในการจัดงานเท่าไหร่ แล้วมาคำนวณกำลังกระแสไฟ ที่ต้องใช้ในงาน นะคะ เพราะ..ไม่งั้น เผื่อบางทีจัดงานไป อาจจะทำให้ ไฟดับงานกร่อยได้เลยนะคะ สถานที่โล่ง งานกลางแจ้ง บางทีเป็นร้านอาหาร เป็นรีสอร์ท หรือโรงแรม อาจจะมีกำลังไฟสำรองให้อยู่แล้ว แต่ก็ต้องคำนวณ ถึงไฟที่จะใช้ในงานด้วยนะคะ ..ไฟ ของช่างภาพ เครื่องเสียง ไฟส่องสว่าง คำนวณหลายจุดนะคะ.. สอบถาม งานไฟแต่งงาน กลางแจ้ง
ติดต่อผู้เชี่ยวชาญให้คำปรึกษาจัดงานแต่งงาน Outdoor ออกแบบระบบไฟในงาน เครื่องเสียงในงานแต่งงานกลางแจ้ง โทร. คุณกฤต we are organize 097-2358885
www.weareorganize.com
2. ที่จอดรถ สำหรับแขกที่มาร่วมงาน แน่นอนคะ.. สถานที่ ถ้าไม่ใช่โรงแรม รีสอร์ท ห้องประชุม หรือร้านอาหาร และยิ่งถ้าเป็นงานกลางแจ้ง โล่งๆ ที่ไม่มีอะไรเลย .. ที่จอดรถ ความปลอดภัย ของรถแขกที่มาร่วมงาน ก็สำคัญนะคะ .. ไฟที่จอดรถ อปภร. เจ้าหน้าที่คอยดูแล โบกรถ ควรมีนะคะ
3. ห้องสุขา สำหรับแขกที่จะมาร่วมงาน เพียงพอหรือไม่ บางงาน ถ้าเป็นพื้นที่กลางแจ้งของโรงแรม ร้านอาหารก็สะดวกอยู่แล้ว แต่บางทีเป็นสนามฟุตบอล ลานวัด อาจจะไม่สะดวกนะคะ.. ก็ติดต่อ เทศบาล หรือติดต่อให้เช่า ใกล้ๆ ที่จัดงานนะคะ.. แต่ ยังไงก็ลองสำรวจพื้นที่กันก่อนนะคะ.. บางที่ อาจจะมีให้พร้อมก็ได้คะ
ออแกไนซ์จัดงานแต่งงาน Outdoor ที่ปรึกษาจัดงาน www.weareorganize.com 097-2358885
4. สัตว์ต่างๆ สัตว์มีพิษ ยุง มด แมลง งู หรือสัตว์อื่นๆ .. สถานที่จัดงาน ต้องสำรวจก่อนว่า ด้านข้าง ของสถานที่จัดงานเป็นอย่างไรนะคะ.. ยิ่งถ้าเป็นพื้นที่รกร้าง ยิ่งอันตรายนะคะ .. อาจจะต้องมีการฉีดยุง หรือ การบูร สำหรับโรยพื้นนะคะ เพื่อความปลอดภัย ถ้ามีออแกไนซ์ดูแลที่จัดงาน ก็อาจจะให้ออแกไนซ์ รบกวน เรื่องที่ฉีดยุง จุดยากันยุง หรือโรยการบูรให้นะคะ เพื่อความปลอดภัยของแขกที่มาร่วมงานด้วยนะคะ
5. สภาวะอากาศความเสียง กับอากาศสภาวะบ้านเรา เมืองไทย เดี๋ยวร้อน เดี๋ยวฝน เดี๋ยวหนาว และงาน Outdoor กลางแจ้งแบบนี้ เราก็อยากจัดงาน โรแมนติก อากาศเย็นๆ สบายๆ ชิคๆ คูลๆ กันนะคะ.. แต่หน้าหนาวบ้านเรา มันไม่หนาวเอาซะเลย..
ทีนี้.. จะหนาว ก็ดี คะ..
แต่ถ้าร้อนนี่สิ.. ควรจะมีพัดลมแอร์ พัดลมไอน้ำ สำหรับแขก และสำหรับคู่บ่าวสาวด้วยนะคะ ไม่งั้น เดิน ยืน นั่ง พัดกันทั้งงานแน่ๆ ค่ะ.. อย่าไว้ใจกับอากาศบ้านเรา
และสำคัญมากคะ.. ฤดูหนาวบ้านเรา บางทีฝนตกคร้าาา..พายุเข้า ทำไง ทีนี้... การ์ดแจกหมดแล้ว งานจะเริ่มแล้ว พายุดันเข้า ฝนดันตก สถานที่ก็เปลี่ยนไม่ได้..
ก็มีวิธีแก้ ต้องเตรียมแผนสำรองกันนะคะ..
สนามฟุตบอลโรงเรียน ก็ย้าย เข้า อาคารที่มีหลังคา
หรือโรงแรม ก็ย้าย เข้าอาคาร ห้องจัดเลี้ยงไป เสียฟิลหน่อยนึง
หรือกางเต๊นท์ รอ เตรียมพร้อม ..
หรือ วิธีแก้ไขอื่นๆ มากมายนะคะ..
ไม่ได้จริงๆ ต้องย้ายสถานที่ก็ต้องรีบเตรียมให้พร้อมนะคะ..อย่ารอจนถึงวันงาน จะไม่ทันแก้กันนะคะ..
สอบถามจัดงานแต่งงาน Outdoor กลางแจ้งเต็มระบบทุกรูปแบบ ธีมงาน ได้ทุกแบบ ระบบเครื่องเสียง ไฟแสงสี ไฟส่องสว่างในงาน ออแกไนซ์ที่ปรึกษาจัดงาน ดอกไม้ตกแต่งสถานที่ ดนตรี พิธีกร เทแชมเปญ แกลลอรี่ เวที โครงทรัสต์ โต๊ะลงทะเบียน ดอกไม้ช่อบูเก้ พวงมาลัยข้อพระกรคล้องมือ สอบถาม We are Organize 097-2358885, 089-8749967
www.weareorganize.com
ดอกไม้ในงานแต่งงาน ยุค พ.ศ.2562
Cr. pinterest.com
ขอบคุณภาพจาก pinterest.com นะคะ
ยุคสมัย เปลี่ยนไป ในการออกแบบดอกไม้ในงานแต่งงาน งานเลี้ยงฉลองมงคลสมรส เมื่อก่อนสมัยรุ่นพ่อแม่เราพอมาเห็นรูปแบบ มาเห็นราคาก็จะอึ้งๆ กันซะหน่อยนะคะ.. ว้าวววว... เดี๋ยวนี้ จัดกันอลังการมาก แข่งกันทั้งความกว้าง ความสูง เมื่อก่อน แค่ ซุ้มโค้ง ซุ้มหัวใจ พอแระ ..ต่อมาเริ่มเป็นสี่เหลี่ยม พอความกว้าง 2 เมตร สูง 2.4 เมตร พอแล้ว...เดี๋ยวนี้อะหรอ.. กว้าง อย่างน้อยต้องมี 6-7 เมตร ความสูงเหรอ.. เมื่อก่อน 2.3-2.5 เมตร ก็สบายแระ.. เดี๋ยวนี้สิ.. ปาไปสูง 3 เมตรคะ..เป็นอย่างน้อยอะเนอะ.. ดีไม่ดี ขอสูง 4-5 เมตร ซะด้วยซ้ำไป.. และดอกไม้อาจจะน้อยลงหน่อย ก็จะเน้นกันที่โครงสร้าง สีสัน รูปแบบดอกไม้ ราคาก็จะแตกต่างกันไป ..เมื่อก่อน ดอกไม้ปลอมไม่เอา ก็เปลี่ยนมาเป็นดอกไม้สดกันล้วน ๆ.. แต่ นี่ ณ ปี 2561 กำลังจะเข้าสู่ ปี 2562 แล้ว .... ดอกไม้เสมือนจริงกันแทบทั้งนั้น..จะมีดอกไม้สดล้วนๆ ก็จะหายากหละ ..หรือบางงานจะเป็นดอกไม้สด ปนดอกไม้ปลอมกันทั้งงาน ... ก็ตั้งแต่ ปี 2554 ที่บ้านเราน้ำท่วมใหญ่ บอกเลย หลังจากนั้น .. บ้านเรา ราคาข้าวของแพงหมด ทำมาหากินกันลำบากมากขึ้น แย่งงานกันมากขึ้น ดั๊มราคาหั่นราคากันแลกราน ดอกไม้สดในการจัดงานไม่ต้องพูดถึงเลย.. ร้านดอกไม้ ส่วนใหญ่ หันมาใช้ดอกไม้เสมือนจริงกันมากขึ้น...
และไม่เพียงเท่านั้นนะ.. ปากคลองตลาด เรา แหล่งดอกไม้สดบ้านเราก็ถูก รีโนเวท กันใหม่ อะไรๆ ก็เปลี่ยนแปลงกันไปหมด ซะทั้งนั้น... ทำคนตกงาน ทำคนหากินกันลำบากมากขึ้นไปอี้ก...
นี่เราเลย หาภาพฉากดอกไม้สวยมาฝากหละกันนะคะ..
ใครสนใจ ใครชอบแบบไหน ก็ถามมาหละกันคะ..
line id: tkcenter2
แพ็คเกจงานแต่งงานพิธีไทยครบวงจร บุพเพสันนิวาส
แพ็คเกจบุพเพสันนิวาส แม่การะเกดและคุณพี่หมื่น จัดจบครบที่เดียว
งานแต่งงานประเพณีไทย ครบวงจร รวม 4 Package
ราคา 62,900 บาท
1. แพ็คเกจแม่การะเกดแม่ศรีเรือน TW1 งานแต่งงานประเพณีไทย ครบทั้งงาน คนนำสวดในพิธีสงฆ์ อุปกรณ์สงฆ์ครบชุดรายละเอียดตามแพคเกจหน้าเว็บ อุปกรณ์ตักบาตรสำหรับคู่บ่าวสาว พร้อมชุดอุปกรณ์ ฉากผ้า พิธีสุ่ขอ พิธีไหว้ผู้ใหญ่ พิธีหลั่งน้ำสังข์ พวงมาลัยบ่าวสาว ด้ายมงคล พานรองน้ำสังข์
2. แพ็คเกจคุณพี่หมื่นมาสู่ขอ TW2 ชุดพานขันหมาก พิธีสู่ขอ สำหรับฝ่ายเจ้าบ่าว ยกขบวนขันหมาก สู่ขอเจ้าสาว
3. พ่องานแม่งาน ทีมงานที่ปรึกษาจัดงานแต่งงาน ออแกไนซ์ แม่งานรันคิว ทีมงานดูแลงานประสานงาน พร้อมพิธีกรในงาน
4. ชุดโตกหวาย พร้อมภาชนะเซรามิค ในแพ็คเกจ F2 จำนวน 9 ชุด สำหรับจัดภัตตาหารถวายพระสงฆ์ (ไม่รวมอาหารในโตก)
เจ้าภาพจัดเตรียม
ก่อนจัดงานควรปรึกษาการจัดงานก่อนนะคะ เนื่องจากประเพณีแต่ละบ้าน แต่ละท้องถิ่นไม่เหมือนกันมีความแตกต่างกันนะคะ เช่น ต้องมีร่ม มีใบทับทิม มีพิธีล้างเท้า ฯลฯ
หมายเหตุ
งานแต่งงานประเพณีไทย ครบวงจร รวม 4 Package
ราคา 62,900 บาท
1. แพ็คเกจแม่การะเกดแม่ศรีเรือน TW1 งานแต่งงานประเพณีไทย ครบทั้งงาน คนนำสวดในพิธีสงฆ์ อุปกรณ์สงฆ์ครบชุดรายละเอียดตามแพคเกจหน้าเว็บ อุปกรณ์ตักบาตรสำหรับคู่บ่าวสาว พร้อมชุดอุปกรณ์ ฉากผ้า พิธีสุ่ขอ พิธีไหว้ผู้ใหญ่ พิธีหลั่งน้ำสังข์ พวงมาลัยบ่าวสาว ด้ายมงคล พานรองน้ำสังข์
2. แพ็คเกจคุณพี่หมื่นมาสู่ขอ TW2 ชุดพานขันหมาก พิธีสู่ขอ สำหรับฝ่ายเจ้าบ่าว ยกขบวนขันหมาก สู่ขอเจ้าสาว
3. พ่องานแม่งาน ทีมงานที่ปรึกษาจัดงานแต่งงาน ออแกไนซ์ แม่งานรันคิว ทีมงานดูแลงานประสานงาน พร้อมพิธีกรในงาน
4. ชุดโตกหวาย พร้อมภาชนะเซรามิค ในแพ็คเกจ F2 จำนวน 9 ชุด สำหรับจัดภัตตาหารถวายพระสงฆ์ (ไม่รวมอาหารในโตก)
เจ้าภาพจัดเตรียม
- วันมงคลฤกษ์งามยามดี
- นิมนต์พระสงฆ์ รถรับส่งพระสงฆ์ และปัจจัยถวายพระสงฆ์
- ภัตตาหารพระสงฆ์เพล สำหรับถวายพระสงฆ์กลับวัด
- อาหารเช้า หรืออาหารกลางวัน น้ำดื่มสำหรับแขกที่มาร่วมงาน (ถ้ามีการเชิญแขกเช้าหรือเที่ยง)
- จัดเตรียมสถานที่ โต๊ะเก้าอี้ เต็นท์ พัดลม (แต่ละสถานที่มีความแตกต่างกัน)
- ดอกไม้ตกแต่งสถานที่ ดอกไม้รับเจ้าสาว พานส่งตัวบ่าวสาว ช่อติดอก ฯลฯ
ก่อนจัดงานควรปรึกษาการจัดงานก่อนนะคะ เนื่องจากประเพณีแต่ละบ้าน แต่ละท้องถิ่นไม่เหมือนกันมีความแตกต่างกันนะคะ เช่น ต้องมีร่ม มีใบทับทิม มีพิธีล้างเท้า ฯลฯ
หมายเหตุ
- ต่างจังหวัด คิดค่าใช้จ่ายในการเดินทางเพิ่มเติม แจ้งให้ทราบล่วงหน้าก่อนนะคะ
- ราคาแพ็คเกจบุพเพสันนิวาส ไม่รวมเวทีพระ นิมนต์พระ รถรับส่งพระสงฆ์ และปัจจัย
- ราคาแพ็คเกจบุพเพสันนิวาส .. ไม่รวมจัดสำรับภัตตาหาร กับข้าว ขนมหวาน ผลไม้ น้ำ สำหรับเลี้ยงพระเช้า หรือเลี้ยงพระเพล
- ราคาแพ็คเกจบุพเพสันนิวาส .. รวมพิธีตักบาตร ในแพ็คเกจแม่การะเกดแม่ศรีเรือน แล้ว มีข้าวสวย ขนมเปี๊ยะ ไข่เค็ม สำหรับตักบาตร พร้อมอุปกรณ์
- ราคาแพ็คเกจบุพเพสันนิวาส .. ไม่รวมดอกไม้ตกแต่งสถานที่ เนื่องจาก รูปแบบธีมงานแต่ละสถานที่มีความแตกต่างกัน หรือทางลูกค้าอาจะมีทีมงาน หรือร้านดอกไม้ที่ชอบเองอยู่ก่อนแล้ว หรือลูกค้าจัดเตรียมเองแล้ว ...และหากต้องการให้ทางบริการจัดดอกไม้ให้ด้วย สามารถพูดคุยปรึกษารายละเอียด รูปแบบ และงบประมาณเพิ่มเติมในราคาพิเศษได้นะคะ
บุญพาวาสนาส่ง
“บุญนำ วาสนาพา” มนุษย์เราในเมื่อเกิดมาแล้วและมีการนับถือศาสนาเกิดขึ้น ไม่ว่าจะเป็นศาสนาใดก็ล้วนแล้วแต่สั่งสอนให้ผู้ที่นับถือรู้จักการแบ่งปัน การทำความดี การให้ตัวเองรู้จักหน้าที่ในการดำรงชีวิต อะไรควรทำ อะไรไม่ควรทำ สิ่งเหล่านี้ในศาสนาพุทธเราก็จะมีสอนกันอยู่ ทุกคนที่ได้เรียนมาก็จะรู้ดี บางคนสามารถนำไปปฏิบัติได้ทั้งหมด บางคนก็อาจจะนำไปปฏิบัติได้ไม่ครบ หรือบางคนไม่สามารถปฏิบัติได้เลย
ซึ่งหากเราลองเปรียบเทียบกลุ่มคนทั้ง 3 รูปแบบนั้นจะพบว่า บุคคลที่มีการวางใจที่ถูกต้องเหมาะสม มีการกระทำที่เหมาะสม ย่อมนำพาให้ชีวิตของเค้ามีแต่ความเจริญก้าวหน้า ส่วนใครทำไม่ถูกต้อง สร้างความเดือดร้อนให้แก่ผู้อื่น ก็จะมีแต่ความตกต่ำทดถอยลงไปเรื่อย อีกเรื่องหนึ่งที่เราจะต้องรู้ก็คือ มนุษย์เรานั้นเกิดมาแล้วก็ต้องตาย สิ่งเดียวที่จะติดตัวเราไปหลังจากความตายก็คือเรื่องของ “บุญ” และกรรม
ทำบุญไว้ ไม่เสียหาย
เรามีความต้องการที่จะหมดทุกข์หมดโศกหรือต่อให้เราต้องการเพียงแค่ให้ชีวิตเจริญก้าวหน้าขึ้น สิ่งที่จะต้องทำก็คือการทำบุญ การสะสมบุญกุศลต่างๆไม่ว่าจะทางตรงก็ดี ด้วยการให้ทานแก่สัตว์ยากไร้ หรือการถวายปัจจัยที่จำเป็นต่อการดำรงชีวิตให้แก่พระสงฆ์ นี่คือการทำบุญทางตรง ส่วนการทำบุญทางอ้อมนั้นก็อาจจะเป็นว่า มีคนฝากเราเอาซองผ้าผ่าไปส่งวัดให้หน่อย เราอาจจะนำซองผ้าป่าของเค้าไปส่งให้กับมือเจ้าอาวาส แบบนี้ก็ถือเป็นการทำบุญเช่นเดียวกัน แต่อาจจะมาจากผู้อื่นเป็นคนบอกให้ทำ หรือให้เข้าใจง่ายก็คือเป็นสะพานบุญให้นั่นเอง
ไม่ว่าตัวเราประกอบธุรกิจอะไร หรือไม่ได้มีความสนใจในเรื่องของเงินทองมากมายนัก อย่างไรก็ดี เราก็จำเป็นจะต้องรู้จักหมั่นทำบุญเข้าไว้ เผื่อภพหน้ามีอยู่จริง สิ่งที่จะนำให้ชีวิตเราเจริญก้าวหน้าต่อไปในชาติต่อๆไป นั้นก็คือเรื่องของบุญ ส่วนสิ่งที่ไม่ควรทำก็คือเรื่องของการทำบาป การทำชั่ว เพราะมันจะติดตัวเราไปด้วยเช่นเดียวกัน จะทำให้ชีวิตเรามีแต่ตกต่ำ หากมีข่าวสารเรื่องของการทำบุญจากที่แห่งไหน เหรอแนวคิดการประพฤติปฏิบัติชอบอย่างถูกต้องและเหมาะสมเกี่ยวกับการเป็นคนดี มีศีล ผู้เขียนจะขอนำมาฝากตลอดเพื่อเป็นสะพานบุญแก่ผู้อื่นต่อไป
เครดิต ข้อมูลจาก ballworld88.com/คนเราจะเจริญ-ต้องมีบุญ
ซึ่งหากเราลองเปรียบเทียบกลุ่มคนทั้ง 3 รูปแบบนั้นจะพบว่า บุคคลที่มีการวางใจที่ถูกต้องเหมาะสม มีการกระทำที่เหมาะสม ย่อมนำพาให้ชีวิตของเค้ามีแต่ความเจริญก้าวหน้า ส่วนใครทำไม่ถูกต้อง สร้างความเดือดร้อนให้แก่ผู้อื่น ก็จะมีแต่ความตกต่ำทดถอยลงไปเรื่อย อีกเรื่องหนึ่งที่เราจะต้องรู้ก็คือ มนุษย์เรานั้นเกิดมาแล้วก็ต้องตาย สิ่งเดียวที่จะติดตัวเราไปหลังจากความตายก็คือเรื่องของ “บุญ” และกรรม
ทำบุญไว้ ไม่เสียหาย
เรามีความต้องการที่จะหมดทุกข์หมดโศกหรือต่อให้เราต้องการเพียงแค่ให้ชีวิตเจริญก้าวหน้าขึ้น สิ่งที่จะต้องทำก็คือการทำบุญ การสะสมบุญกุศลต่างๆไม่ว่าจะทางตรงก็ดี ด้วยการให้ทานแก่สัตว์ยากไร้ หรือการถวายปัจจัยที่จำเป็นต่อการดำรงชีวิตให้แก่พระสงฆ์ นี่คือการทำบุญทางตรง ส่วนการทำบุญทางอ้อมนั้นก็อาจจะเป็นว่า มีคนฝากเราเอาซองผ้าผ่าไปส่งวัดให้หน่อย เราอาจจะนำซองผ้าป่าของเค้าไปส่งให้กับมือเจ้าอาวาส แบบนี้ก็ถือเป็นการทำบุญเช่นเดียวกัน แต่อาจจะมาจากผู้อื่นเป็นคนบอกให้ทำ หรือให้เข้าใจง่ายก็คือเป็นสะพานบุญให้นั่นเอง
ไม่ว่าตัวเราประกอบธุรกิจอะไร หรือไม่ได้มีความสนใจในเรื่องของเงินทองมากมายนัก อย่างไรก็ดี เราก็จำเป็นจะต้องรู้จักหมั่นทำบุญเข้าไว้ เผื่อภพหน้ามีอยู่จริง สิ่งที่จะนำให้ชีวิตเราเจริญก้าวหน้าต่อไปในชาติต่อๆไป นั้นก็คือเรื่องของบุญ ส่วนสิ่งที่ไม่ควรทำก็คือเรื่องของการทำบาป การทำชั่ว เพราะมันจะติดตัวเราไปด้วยเช่นเดียวกัน จะทำให้ชีวิตเรามีแต่ตกต่ำ หากมีข่าวสารเรื่องของการทำบุญจากที่แห่งไหน เหรอแนวคิดการประพฤติปฏิบัติชอบอย่างถูกต้องและเหมาะสมเกี่ยวกับการเป็นคนดี มีศีล ผู้เขียนจะขอนำมาฝากตลอดเพื่อเป็นสะพานบุญแก่ผู้อื่นต่อไป
เครดิต ข้อมูลจาก ballworld88.com/คนเราจะเจริญ-ต้องมีบุญ
ทำบุญเลี้ยงพระเพล5รูป จัดครบทั้งงาน
แพ็คเกจบุญพาวาสนาส่ง
ราคา 19,900 บาท
สำหรับสถานที่จัดงานไม่ใหญ่มาก หรือต้องการจัดงานเล็กๆ เรียบๆ ง่ายๆ จัดกันเอง
พิธีสงฆ์ครบชุด ดอกไม้ สังฆทาน ภัตตาหารเพล แบบโตก 5 รูป
จัดงานพิธีบุญพิธีสงฆ์ พร้อมจัดภัตตาหารพระสงฆ์ 5 รูป จัดแบบโตก
1. จัดอุปกรณ์พิธีสงฆ์ครบชุด (พระเพล 5 รูป)
2. ดอกไม้ธูปเทียนถวายพระสงฆ์กลับวัด 5 ชุด
3. เครื่องไทยธรรมถวายพระสงฆ์กลับวัด 5 ชุด
4. มัคนายก (คนนำสวด)
5. ทีมงานออแกไนซ์ดูแลพิธีสงฆ์ จัดเก็บจัดเตรียมอุปกรณ์พิธีสงฆ์
6. สำรับโตก พร้อมภาชนะจัดอาหารพระพุทธ ข้าวสวย กับข้าว ขนมหวาน ผลไม้ น้ำ 1 ชุดเล็ก
7. สำรับอาหารเจ้าที่ชุดเล็ก ข้าวสวย กับข้าว ขนมหวาน ผลไม้ 1 ชุด
8. ชุดโตกหวาย ผ้าคลุมสีทอง ภาชนะเซรามิค อย่างดี จำนวน 5 ชุด
9. ภัตตาหารพระเพล ข้าวสวย กับข้าว ขนมหวาน ผลไม้ น้ำ จัดเป็นสำรับโตกหวาย จำนวน 5 ชุด (ภาพประกอบเป็นแบบจัดเป็นวงนะคะ)
10. ทีมงานเจ้าหน้าที่จัดเก็บจัดเตรียมอุปกรณ์ภาชนะ และจัดภัตตาหารพระสงฆ์
รายละเอียดดังนี้
1. จัดอุปกรณ์สำหรับพิธีสงฆ์ครบชุด
- อาสนะสีครีมทองเรียบร้อยสวยงาม จำนวน 5 อัน
- เบาะรองนั่ง จำนวน 5 อัน
- ตาลปัตร จำนวน 5 อัน
- โต๊ะหมู่บูชา ครบชุด หมู่ 7
- พระพุทธรูป หรือใช้พระประธานของงาน
- ดอกไม้สด 2 พาน หรือ ดอกบัวดินปั้น 2 แจกกัน
- แจกันสำหรับใส่ดอกไม้โต๊ะหมู่ 2 อัน เครื่องเบญจรงค์
- กระถางธูป + จานรอง 1 ชุด เครื่องเบญจรงค์
- เชิงเทียน วางโต๊ะหมู่บูชา 2 อัน เครื่องเบญจรงค์
- โถน้ำมนต์ 1 ใบ เครื่องเบญจรงค์
- ที่หนีบเทียนทำน้ำมนต์ ทองเหลือง 1 อัน
- ด้ามเทียนฉนวนทองเหลือง 1 อัน
- ที่พรมน้ำมนต์ 1 อัน
- ที่กรวดน้ำ เครื่องเบญจรงค์ จำนวน 2-3 ชุด
- พานเซรามิก 2 ใบ สำหรับวางสายสิญจน์
- พานเซรามิก 1 ใบ วางตลับแป้งเจิม และแผ่นทองคำเปลว
- ตลับแป้งเจิม 1 อัน พร้อมแป้งเจิม
- ตลับแผ่นทองคำเปลว 1 อัน พร้อมแผ่นทองคำเปลว
- ผ้าสีทอง จำนวน 10 ผืน สำหรับวางรอง เครื่องใช้สำหรับพระสงฆ์
- กระโถน เครื่องเบญจรงค์สวยงามอย่างดี จำนวน 3 ใบ
- กล่องกระดาษทิชชู่ พร้อมทิชชู่ อย่างดี จำนวน 5 ชุด สำหรับพระสงฆ์
- ปูพรมแดงยาวสำหรับในพิธีสงฆ์ (ลูกค้าแจ้งพื้นที่ของสถานที่จัดงาน)
- หมอนกราบฟักทอง 2 ใบ
- พานทอง พลาสติก จำนวน 5 อัน สำหรับวางสังฆทาน ถวายพระสงฆ์
2. จัดเตรียมดอกไม้สด 2 แจกัน
1. จัดอุปกรณ์พิธีสงฆ์ครบชุด (พระเพล 5 รูป)
2. ดอกไม้ธูปเทียนถวายพระสงฆ์กลับวัด 5 ชุด
3. เครื่องไทยธรรมถวายพระสงฆ์กลับวัด 5 ชุด
4. มัคนายก (คนนำสวด)
5. ทีมงานออแกไนซ์ดูแลพิธีสงฆ์ จัดเก็บจัดเตรียมอุปกรณ์พิธีสงฆ์
6. สำรับโตก พร้อมภาชนะจัดอาหารพระพุทธ ข้าวสวย กับข้าว ขนมหวาน ผลไม้ น้ำ 1 ชุดเล็ก
7. สำรับอาหารเจ้าที่ชุดเล็ก ข้าวสวย กับข้าว ขนมหวาน ผลไม้ 1 ชุด
8. ชุดโตกหวาย ผ้าคลุมสีทอง ภาชนะเซรามิค อย่างดี จำนวน 5 ชุด
9. ภัตตาหารพระเพล ข้าวสวย กับข้าว ขนมหวาน ผลไม้ น้ำ จัดเป็นสำรับโตกหวาย จำนวน 5 ชุด (ภาพประกอบเป็นแบบจัดเป็นวงนะคะ)
10. ทีมงานเจ้าหน้าที่จัดเก็บจัดเตรียมอุปกรณ์ภาชนะ และจัดภัตตาหารพระสงฆ์
รายละเอียดดังนี้
1. จัดอุปกรณ์สำหรับพิธีสงฆ์ครบชุด
- อาสนะสีครีมทองเรียบร้อยสวยงาม จำนวน 5 อัน
- เบาะรองนั่ง จำนวน 5 อัน
- ตาลปัตร จำนวน 5 อัน
- โต๊ะหมู่บูชา ครบชุด หมู่ 7
- พระพุทธรูป หรือใช้พระประธานของงาน
- ดอกไม้สด 2 พาน หรือ ดอกบัวดินปั้น 2 แจกกัน
- แจกันสำหรับใส่ดอกไม้โต๊ะหมู่ 2 อัน เครื่องเบญจรงค์
- กระถางธูป + จานรอง 1 ชุด เครื่องเบญจรงค์
- เชิงเทียน วางโต๊ะหมู่บูชา 2 อัน เครื่องเบญจรงค์
- โถน้ำมนต์ 1 ใบ เครื่องเบญจรงค์
- ที่หนีบเทียนทำน้ำมนต์ ทองเหลือง 1 อัน
- ด้ามเทียนฉนวนทองเหลือง 1 อัน
- ที่พรมน้ำมนต์ 1 อัน
- ที่กรวดน้ำ เครื่องเบญจรงค์ จำนวน 2-3 ชุด
- พานเซรามิก 2 ใบ สำหรับวางสายสิญจน์
- พานเซรามิก 1 ใบ วางตลับแป้งเจิม และแผ่นทองคำเปลว
- ตลับแป้งเจิม 1 อัน พร้อมแป้งเจิม
- ตลับแผ่นทองคำเปลว 1 อัน พร้อมแผ่นทองคำเปลว
- ผ้าสีทอง จำนวน 10 ผืน สำหรับวางรอง เครื่องใช้สำหรับพระสงฆ์
- กระโถน เครื่องเบญจรงค์สวยงามอย่างดี จำนวน 3 ใบ
- กล่องกระดาษทิชชู่ พร้อมทิชชู่ อย่างดี จำนวน 5 ชุด สำหรับพระสงฆ์
- ปูพรมแดงยาวสำหรับในพิธีสงฆ์ (ลูกค้าแจ้งพื้นที่ของสถานที่จัดงาน)
- หมอนกราบฟักทอง 2 ใบ
- พานทอง พลาสติก จำนวน 5 อัน สำหรับวางสังฆทาน ถวายพระสงฆ์
2. จัดเตรียมดอกไม้สด 2 แจกัน
3. ธูป + เทียน+ เทียนทำน้ำมนต์ สำหรับหน้าโต๊ะหมู่บูชา
4. จัดเตรียมดอกไม้ ธูปเทียน จำนวน 5 ชุด สำหรับถวายพระสงฆ์กลับวัด
5. ชุดเครื่องไทยทานอย่างดี สำหรับถวายพระสงฆ์กลับวัด 5 ชุด
6. มัคนายก (คนนำสวด) 1 ท่าน
7. ทีมงานจัดอุปกรณ์ จัดของพิธีสงฆ์ และดูแลประสานงานในพิธีสงฆ์
8. เครื่องเสียงชุดเล็ก มิกซ์เซอร์ ไมค์โครโฟน ไมค์ลอย ขาตั้งไมค์ ลำโพง เพลงขิมเปิดก่อนเริ่มงานพิธี
9. สำรับโตก พร้อมภาชนะจัดอาหารพระพุทธ ข้าวสวย กับข้าว ขนมหวาน ผลไม้ น้ำ 1 ชุดเล็ก
10. สำรับอาหารเจ้าที่ชุดเล็ก ข้าวสวย กับข้าว ขนมหวาน ผลไม้ 1 ชุด หรือผลไม้ไหว้ศาลของสถานที่
11. ชุดโตกหวาย ผ้าคลุมสีทอง ภาชนะเซรามิค อย่างดี จำนวน 5 ชุด
12. ภัตตาหารพระเพล ข้าวสวย กับข้าว ขนมหวาน ผลไม้ น้ำ จำนวน 5 ชุด
13. ทีมงานเจ้าหน้าที่จัดเก็บจัดเตรียมอุปกรณ์ภาชนะ และจัดภัตตาหารพระสงฆ์
5. ชุดเครื่องไทยทานอย่างดี สำหรับถวายพระสงฆ์กลับวัด 5 ชุด
6. มัคนายก (คนนำสวด) 1 ท่าน
7. ทีมงานจัดอุปกรณ์ จัดของพิธีสงฆ์ และดูแลประสานงานในพิธีสงฆ์
8. เครื่องเสียงชุดเล็ก มิกซ์เซอร์ ไมค์โครโฟน ไมค์ลอย ขาตั้งไมค์ ลำโพง เพลงขิมเปิดก่อนเริ่มงานพิธี
9. สำรับโตก พร้อมภาชนะจัดอาหารพระพุทธ ข้าวสวย กับข้าว ขนมหวาน ผลไม้ น้ำ 1 ชุดเล็ก
10. สำรับอาหารเจ้าที่ชุดเล็ก ข้าวสวย กับข้าว ขนมหวาน ผลไม้ 1 ชุด หรือผลไม้ไหว้ศาลของสถานที่
11. ชุดโตกหวาย ผ้าคลุมสีทอง ภาชนะเซรามิค อย่างดี จำนวน 5 ชุด
12. ภัตตาหารพระเพล ข้าวสวย กับข้าว ขนมหวาน ผลไม้ น้ำ จำนวน 5 ชุด
13. ทีมงานเจ้าหน้าที่จัดเก็บจัดเตรียมอุปกรณ์ภาชนะ และจัดภัตตาหารพระสงฆ์
14.แก้วน้ำเซรามิคสีทอง สำหรับพระสงฆ์ 5 รูป หรือกี๋มุกแก้วน้ำพระ จำนวน 5 ชุด
15. น้ำร้อน หรือน้ำเย็น สำหรับประเคนพระสงฆ์ เมื่อพระสงฆ์มาถึงสถานที่จัดงาน
16. เหยือกน้ำ อย่างดี สำหรับพระสงฆ์ 2 ใบ
15. น้ำร้อน หรือน้ำเย็น สำหรับประเคนพระสงฆ์ เมื่อพระสงฆ์มาถึงสถานที่จัดงาน
16. เหยือกน้ำ อย่างดี สำหรับพระสงฆ์ 2 ใบ
17. ซองเปล่า อย่างดี สำหรับเจ้าภาพใส่ปัจจัยถวายพระสงฆ์
เจ้าภาพจัดเตรียม
1. วันที่จัดงาน ฤกษ์งามยามดี ( บริการรับดูฤกษ์งามยามดี ฟรี )
2. ติดต่อนิมนต์พระสงฆ์
3. จัดเตรียมสถานที่จัดงาน เต๊นท์ โต๊ะเก้าอี้ พัดลม ( บริการให้เช่า แพ็คเกจ F6 ร้านพิธีไทย )
4. รถรับส่ง พระสงฆ์ในวันงาน ( บริการราคา 1,500 - 2,500 บาท แต่ละพื้นที่แตกต่างกัน )
5. ปัจจัยถวายพระสงฆ์
6. อาหารว่าง เผื่อสำหรับแขกมาก่อนเริ่มงานพิธีสงฆ์ ( บริการราคาตั้งแต่ 4,000 บาท ขึ้นไป สำหรับแขก 30-50 ท่าน )
7. อาหาร น้ำดื่ม สำหรับแขกที่มาร่วมงาน (ถ้ามี)
** แพ็คเกจ นี้เป็นราคาเลี้ยงพระเพล เลี้ยงแขกเที่ยง
** หากมีค่าใช้จ่ายอื่นๆ เพิ่มเติม หรือรายการอื่นๆ เพิ่มเติม ทางร้านแจ้งให้ทราบล่วงหน้านะคะ
** อุปกรณ์ของทางร้านเป็นของทางร้านที่ใช้ปัจจุบันจริง เครื่องใช้เครื่องเบญจรงค์ลายไทยแท้ เขียนมือ ราคาสูง
เจ้าภาพจัดเตรียม
1. วันที่จัดงาน ฤกษ์งามยามดี ( บริการรับดูฤกษ์งามยามดี ฟรี )
2. ติดต่อนิมนต์พระสงฆ์
3. จัดเตรียมสถานที่จัดงาน เต๊นท์ โต๊ะเก้าอี้ พัดลม ( บริการให้เช่า แพ็คเกจ F6 ร้านพิธีไทย )
4. รถรับส่ง พระสงฆ์ในวันงาน ( บริการราคา 1,500 - 2,500 บาท แต่ละพื้นที่แตกต่างกัน )
5. ปัจจัยถวายพระสงฆ์
6. อาหารว่าง เผื่อสำหรับแขกมาก่อนเริ่มงานพิธีสงฆ์ ( บริการราคาตั้งแต่ 4,000 บาท ขึ้นไป สำหรับแขก 30-50 ท่าน )
7. อาหาร น้ำดื่ม สำหรับแขกที่มาร่วมงาน (ถ้ามี)
** แพ็คเกจ นี้เป็นราคาเลี้ยงพระเพล เลี้ยงแขกเที่ยง
** หากมีค่าใช้จ่ายอื่นๆ เพิ่มเติม หรือรายการอื่นๆ เพิ่มเติม ทางร้านแจ้งให้ทราบล่วงหน้านะคะ
** อุปกรณ์ของทางร้านเป็นของทางร้านที่ใช้ปัจจุบันจริง เครื่องใช้เครื่องเบญจรงค์ลายไทยแท้ เขียนมือ ราคาสูง
สอบถามรายละเอียด
คุณกิจ โทร.097-2358885, 089-8749967
อุปกรณ์ของให้เช่างานแต่งงาน งานบุญ งานอีเว้นท์ ครบวงจร
อุปกรณ์ของต่างๆ บริการให้เช่าครบทั้งงาน
สำหรับลูกค้า เจ้าภาพ หรือ ออแกไนซ์ ที่ต้องการจัดเตรียมงาน งานแต่งงาน งานพิธีสงฆ์ งานบุญต่างๆ ทั่วไป งานอีเว้นท์ทุกรูปแบบ- ราคาค่าเช่า ขึ้นอยู่กับปริมาณ สถานที่จัดส่ง ระยะเวลาในการเช่า
- ราคาเช่า เป็นราคาเช่าต่อคิว ต่อวัน เท่านั้น
- ของเช่าบางรายการ หากมารับของเองที่ร้านจะมีค่าประกันของ ตามแต่ตกลง (พร้อมสำเนาบัตรประชาชน)
- หากราคาค่าเช่า มีค่าเดินทาง ค่าบริการล่วงหน้า หรือค่าใช้จ่ายอื่นๆ เพิ่มเติม ทางร้านแจ้งให้ลูกค้าทราบล่วงหน้าก่อนคะ
- หากลูกค้าต้องการ VAT หรือหัก ณ ที่จ่าย กรุณาแจ้งให้ทางร้านทราบล่วงหน้านะคะ
รายการบริการของให้เช่า - ชุดอุปกรณ์พิธีสงฆ์ แพ็คเกจ F1 ราคา 7,000 บาท
- เวทีสำหรับเป็นที่นั่งพระสงฆ์ ราคาเช่า 10,000 บาท (เดินทางล่วงหน้า 1 วัน
- ฉากโครงผ้าหลังเวทีพระ ราคาเช่า 4,000 บาท
- พรมสั้น พรมยาว พรมแดง แจ้งราคาอีกครั้ง
- พรมพิธีสงฆ์ พรมยาว 10 เมตร ปูหน้าเวทีพระ ราคาเช่า 1,000 บาท
- พรมปูในพิธีงานแต่งงาน พรมผ้าขนสีขาวยาว ราคาเช่า 1,000 บาท
- แท่นกราบพระ มีที่รองเข่า ราคาเช่า 1,000 บาท
- เต๊นท์สีขาว 3x3, 4x6, 4x8 , 5x5, 5x12 (เมตร) *กรุณาแจ้งวัน เวลา สถานที่ แต่ละพื้นที่ราคามีความแตกต่างกัน ลูกค้าวัดขนาดของพื้นที่มาให้เรียบร้อย
- โต๊ะกลม โต๊ะเหลี่ยม ผ้าคลุมโต๊ะ
- เก้าอี้พลาสติก เก้าอี้บุนวม ผ้าคลุมเก้าอี้
- โต๊ะกลม + ผ้าคลุมโต๊ะ + เก้าอี้พลาสติก + ผ้าคลุมเก้าอี้สีขาว + ผูกโบว์เก้าอี้ ต่อ 1 ชุด นั่ง 8 ท่าน ราคาชุดละ 500 บาท (ไม่รวมค่าขนส่ง)
- โต๊ะกลม + ผ้าคลุมโต๊ะจับจีบ + เก้าอี้บุนวม + ผ้าคลุมเก้าอี้สีขาว + ผูกโบว์เก้าอี้ ต่อ 1 ชุด นั่ง 10 ท่าน ราคาชุดละ 900 บาท (ไม่รวมค่าขนส่ง)
- พัดลมไอน้ำ พัดลมแอร์
- เวทีดนตรี เล็ก/ใหญ่ ขนาด สูง 80-90 ซม. , 1.50 เมตร
- ระบบเครื่องเสียง ลำโพง มิกซ์เซอร์ ไมค์โครโฟน
- ระบบไฟแสงสี ไฟส่องสว่าง สำหรับจัดงาน Indoor/Outdoor
- ให้เช่าแก้วน้ำ แก้วกาแฟ แก้วเมลามีน แก้วไวน์ แก้วแชมเปญ แก้วเบียร์ เหยือกเบียร์ แก้วน้ำชา
- ชุดโตกหวาย ผ้าคลุม พร้อมภาชนะเซรามิค ครบชุดๆ ละ 350 บาท
- จานเซรามิค สำหรับจัดงานบุญ
- ให้เช่า ถาดใส่ขันหมาก ถาดสังกระสี พานทอง ใบละ 30 บาท
- ให้เช่า ชุดกาน้ำชาจีน ครบชุด ราคา 500 บาท (สำหรับงานแต่งงานพิธีจีน พิธียกน้ำชา)
- ให้เช่า ชุดโซฟา ขนาด 5-6 ที่นั่ง พร้อมโต๊ะกลาง ราคาเช่า 5,000 บาท
ยินดีรับงานเอ้าท์ซอสท์ ยินดีร่วมงานกับทุกทีมงานนะคะ..
สอบถามรายละเอียด
พี่กิจ โทร. 097-2358885, 089-8749967
แพ็คเกจสุขใจ อุปกรณ์พิธีสงฆ์ให้เช่า
แพ็คเกจสุขใจ
- อุปกรณ์พิธีสงฆ์
- เช่าชุดเครื่องเบญจรงค์ไทยแท้ ครบชุด 7,000 บาท
- เช่าชุดเครื่องเซรามิคชุดมุกลายทอง ครบชุด 6,000 บาท
1. อาสนะสีครีมทอง จำนวน 9 อัน
2. เบาะรองนั่ง จำนวน 9 อัน
3. ตาลปัตร จำนวน 9 อัน
4. โต๊ะหมู่บูชา ครบชุด หมู่ 7
5. ดอกบัวดินปั้น 2 แจกัน
6. แจกันสำหรับใส่ดอกไม้โต๊ะหมู่ 2 อัน
7. กระถางธูป + จานรอง 1 ชุด
8. เชิงเทียน วางโต๊ะหมู่บูชา 2 อัน
9. โถน้ำมนต์ 1 ใบ
10. ที่หนีบเทียนทำน้ำมนต์ ทองเหลือง 1 อัน
11. ด้ามเทียนฉนวนทองเหลือง 1 อัน
12. ที่พรมน้ำมนต์ 1 อัน
13 ที่กรวดน้ำ เครื่องเบญจรงค์ จำนวน 2 ชุด
14. พานเซรามิก 2 ใบ สำหรับวางสายสิญจน์
15. พานเซรามิก 1 ใบ วางตลับแป้งเจิม และแผ่นทองคำเปลว
16. ตลับแป้งเจิม 1 อัน
17. ตลับแผ่นทองคำเปลว 1 อัน
18. ผ้าสีทอง จำนวน 12 ผืน สำหรับวางรอง เครื่องใช้สำหรับพระสงฆ์
19. กระโถน เครื่องเบญจรงค์สวยงามอย่างดี จำนวน 5 ใบ
20. กล่องกระดาษทิชชู่ พร้อมทิชชู่ อย่างดี จำนวน 5 ชุด สำหรับพระสงฆ์
21. แก้วน้ำเซรามิคสีทอง สำหรับพระสงฆ์ 9 รูป หรือกี๋มุกรองแก้วน้ำพระ จำนวน 9 ชุด (เลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง)
22. เหยือกน้ำ อย่างดี สำหรับพระสงฆ์ 2 ใบ
23. ปูพรมแดงยาวสำหรับในพิธีสงฆ์ (ลูกค้าแจ้งพื้นที่ของสถานที่จัดงาน)
24. หมอนกราบฟักทอง 2 ใบ
25. พานทอง พลาสติก จำนวน 9 อัน สำหรับวางสังฆทาน ถวายพระสงฆ์
บริการให้ยืมฟรี!! ในแพ็คเกจ
1. ชุดโถข้าว พร้อมทัพพี เซรามิคอย่างดี จำนวน 2 ชุด
2. จานกระเบื้องเซรามิค ขนาด 8 นิ้ว สำหรับพระสงฆ์ 9 รูป + พระพุทธ 1 ชุด รวม 10 ใบ (เผื่อสำหรับเจ้าภาพตักบาตร)
3. ช้อนส้อมสแตนเลสอย่างดี จำนวน 9 คู่ + พระพุทธ 1 คู่ รวม 10 คู่ 4. ชุดถ้วยกับข้าว จานผลไม้ ถ้วยขนมหวาน สำหรับจัดชุดพระพุทธ ใส่โโตกจำนวน 1 ชุด
- ราคาเช่าเป็นราคาเช่า 1 คิว 1 วันเท่านั้น
- รับของที่ร้าน คิดค่าประกันของ วันละ 5,000 บาท
- รับของที่ร้าน พร้อมสำเนาบัตรประชาชน
- ต้องการทีมงานจัดเตรียมจัดส่ง คิดค่าบริการเพิ่ม ตั้งแต่ 2,000 บาทขึ้นไป
สอบถามรายละเอียด
คุณกิจ โทร.097-2358885, 089-8749967
แพ็คเกจอิ่มบุญ โตกพระให้เช่า
แพ็คเกจอิ่มบุญ
บริการให้เช่าชุดโตกหวาย ครบชุด ราคาเช่าชุดละ 350 บาท (ต่อ1 คิวงาน 1 วัน)
พระสงฆ์ 1 รูป ต่อ 1 โตก มีรายการดังนี้
ลำดับ | รายการ | จำนวน |
1 | โตกหวายขนาด 20 นิ้ว | 1 อัน |
2 | ผ้าคลุมโตก สีทอง | 1 ผืน |
3 | จานใส่ข้าว จานเซรามิค จานบัว ขนาด 8 นิ้ว | 1 ใบ |
4 | ช้อนส้อมแสตนเลส อย่างดี | 1 คู่ |
5 | จานใส่ขนมหวานมงคล จานเซรามิค ขนาด 6 นิ้ว | 1 ใบ |
6 | จานใส่ผลไม้ จานเซรามิค ขนาด 6 นิ้ว | 1 ใบ |
7 | ส้อมจิ้มผลไม้ จิ้มขนมหวานมงคล | 2 คัน |
8 | ถ้วยน้ำปลาหรือถ้วยน้ำพริก ถ้วยเซรามิค ขนาด 3-3.5 นิ้ว | 1 ใบ |
9 | ถ้วยเซรามิค ขนาด 4 นิ้ว พร้อมฝาปิด สำหรับใส่ขนมหวานน้ำ 1 รายการ | 1 ชุด |
10 | ช้อนขนมหวาน ช้อนเซรามิค | 1 คัน |
11 | ถ้วยเซรามิค ขนาด 5 นิ้ว พร้อมฝาปิด สำหรับใส่กับข้าว 5 รายการ | 5 ชุด |
* แพ็คเกจนี้งดร่วมรายการ โปรโมชั่น ส่วนลด 10% นะคะ
สอบถามรายละเอียด
คุณกิจ โทร. 097-2358885, 089-8749967
การแบ่งประเภท ของ "ขันโตก" ขันโตกแบ่งออกเป็น 3 ขนาด ดังนี้
- ขันโตกหลวง หรือ สะโตกหลวง ทำด้วยไม้ขนาดใหญ่ ตัดท่อนมากลึงหรือเคี่ยนเป็นขันโตก มีความกว้างประมาณ 25 - 50 นิ้ว ตามขนาดของไม้ที่หามาได้ และนิยมใช้การในราชสำนักในคุ้มในวังของเจ้านายฝ่ายเหนือทั่วไป รวมทั้งใช้ในวัดวาอารามทั่วไปด้วย ทั้งนี้เพื่อให้เหมาะสมกับยศศักดิ์ และความยิ่งใหญ่ของชนชั้นผู้ปกครองใช้ในการที่จะเลี้ยงแขกบ้านแขกเมืองด้วย ส่วนวัดนั้นพระสงฆ์เป็นผู้ควรแก่การเคารพนพนอบ มีประชาชนนำอาหารไปถวายมากดังนั้นประชาชนจึงนิยมทำขันโตกหลวงไปถวายวัด
- ขันโตกฮาม หรือ สะโตกทะราม เป็นขันโตกขนาดกลางประมาณ 17-24 นิ้ว (คำว่า ฮาม หรือ ทะรามนี้ หมายถึงขนาดกลาง) ใช้ไม้ขนาดกลางมาตัดและเคี่ยนหรือกลึงเหมือนขันโตกหลวง ลงรักทาหางอย่างเดียวกัน ผู้ที่ใช้ขันโตกขนาดนี้ มักได้แก่ครอบครัวขนาดใหญ่ เช่น คหบดี เศรษฐีผู้มีอันจะกิน หรือถ้าเป็นวัด ผู้ที่ใช้ขันโตกขนาดนี้คือ พระภิกษุ ในระดับรองสมภาร
- ขันโตกหน้อย เป็นขันโตกขนาดเล็ก ขนาดประมาณ 10 - 15 นิ้ว วิธีทำมีลักษณะเช่นเดียวกับขันโตกหลวงและขันโตกฮาม ใช้ในครอบครัวเล็ก เช่น หญิงชายพึ่งแต่งงานใหม่ หรือ ผู้ที่รับประทานคนเดียว อาหารที่ใส่ก็มีจำนวนน้อย
การใช้ "ขันโตก"
- ใช้เป็นภาชนะที่วางถ้วยอาหารกับข้าว เมื่อใส่กับข้าวแล้วยกมาตั้งสมาชิกในครอบครัวหรือแขกที่มาบ้านจะนั่งล้อมวงกันกินข้าว
- ใส่ดอกไม้ธูปเทียนแทนขันดอก
- ใส่เครื่องคำนับเป็นขันตั้ง
- ใส่ผลหมากรากไม้
ขันโตก หรือ โตก ภาชนะสำหรับวางสำรับอาหารของชาวล้านนา บ้างเรียก สะโตก มีรูปทรงกลม ความกว้างมีเส้นผ่าศูนย์กลางตั้งแต่ 30 เซนติเมตรขึ้นไปมีเชิง สูงประมาณ 1 ฟุต มีทั้งขันโตกไม้ และขันโตกหวาย
Cr. ข้อมูลจาก วิกิพีเดีย
โหราศาสตร์เกี่ยวกับชีวิตของคนเราอย่างไร?
บางคนเกิดมาในตระกูลราชามหาเศรษฐีก็จริง พอเจริญวัยเป็นหนุ่มเป็นสาวตรงกันข้ามแทนที่จะมีความสุขสบายไร้โรคาพยาธิ นั่งกินนอนกิน เช่น พ่อ แม่ ของตนแต่กลับตรงกันข้าม พ่อแม่แบ่งสมบัติให้พอได้คู่ครองเกิดล้างผลาญมรดกเสียเกลี้ยง จากสภาวะเศรษฐีเป็นยาจกวณิพกก็มากมายอีกมุมหนึ่งของชีวิต คนเกิดมาแม้พ่อแม่จะยากจน แต่มีความมานะพยายาม เกิดในฤกษ์งามยามดี มีวาสนา พอเป็นหนุ่มเป็นสาว กลับไปได้เป็นเขตลูกสะใภ้ราชามหาเศรษฐีหรือทำการค้าขาย ทำราชการ ปะเหมาะเคราะห์มาวาสนาส่งเสริม ร่ำรวยวันมั่งมีคืน เป็นเศรษฐีมีทรัพย์ก็มากมาย
เพราะอะไรจึงเป็นเช่นนี้?
คำตอบหรือครับ โลกเรามีพระท่านสอนว่า “อนิจจัง” เป็นของไม่เที่ยงแท้ แน่นอน คนเรามีชีวิตอยู่ย่อมขึ้นต่อกรรม “ทำดีได้ดี ...ทำชั่วได้ชั่ว” แต่ข้อที่เราทุกคนไม่ควรมองข้ามก็คือ “โชควาสนา”
คนเราเกิดมาบ้างก็รูปสวย ร่ำรวยเสน่ห์ ใครเห็นใครรักขออุ้มชูอุปถัมภ์ มีที่ให้พำนัก พึ่งอาศัย บ้างก็รูปร่างอัปลักษณ์ คือ รูปชั่วตัวดำ ใครเห็นแม่ไม่เคยทำอะไรเขาเลยก็กลับ รังเกียจเดียดฉันท์ ไม่มีใครเขาเมตตาสงสาร เห็นเป็นคล้ายกับว่า เกิดมาต่างโลกต่างกำพืด เขาเสียเหลือเกิน
นี่แหละครับ ชีวิตของคนเราจึงหนี เวรทำกรรมแต่ง ไปพ้น
วิชาโหราศาสตร์ เป็น ศาสตร์ (Science) อย่างหนึ่ง ที่มีมาคู่กับมนุษย์ชาติแต่โบราณกาลแล้ว ชาวบ้านเรียกกันง่าย ๆ ว่า “หมอดู” ไงล่ะ พระราชามหากษัตริย์ของไทย เราพระองค์ก็ทรงมีตำแหน่งหมอดู ไว้เป็นคู่บัลลังก์คือ ตำแหน่ง “โหราธิบดี” ไว้เป็นที่ปรึกษาวางฤกษ์ยามเพื่อจะดำเนินข้อราชการทั่วไปทั้งภายในและภายนอกเช่นพระราชพิธีต่าง ๆ และการพิชัยสงคราม อันมีการยกทัพจับศึกเหนือเสือได้ตำแหน่งหมอดู จึงอยู่ใกล้ชิดกับราชบัลลังก์มากทีเดียว ภาษาชาวบ้านเรียกตำแหน่งนี้ว่า “โหรหลวง”
หมอดูเชื่อถือได้อย่างไร
ย่อมเป็นที่ทราบกันดีว่า “หมอดู” ถ้าไม่จริงก็ต้องคู่กับหมอเดานั่นเอง
ถ้าคนคิดที่จะเป็นหมอดู ก็ต้องศึกษาแสวงหาความรู้ทางนี้ อย่างถ่องแท้อย่าให้ใครเขาประณามได้ว่าเป็นหมอเดากันเลย มีคนส่วนมากไม่มีทางทำมาหากินก็คิดตั้งตัวเป็นหมอดูเอาง่าย ๆ ใครมาให้ทายก็ทายไปอย่างนั้นเอง คนเรามันหลายรายก็ย่อมมีทายถูกบางผิดบ้างเป็นธรรมดา แต่คนที่ไม่รู้จริงแล้วคนทายก็มักใช้วิธีเดามากกว่าดูทีเดียว ดังนั้นจะเห็นกันอยู่ตรงท้องสนามหลวง หรือเดินเตร่หาทายโชคชาตาตามบ้าน สถานที่ราชการทั่ว ๆ ไป
จึงใคร่ขอเรียนให้ท่านทราบว่า วิชาโหราศาสตร์ มิใช่แต่จะมีแต่ในเมืองไทย เท่านั้นเห็นจะมีเกือบทั่วโลก ทุกชาติ ทุกภาษารู้และมีหมอดูของตัวเอง แบบเมืองไทยเราเหมือนกัน
แต่ศาสตร์แขนงนี้ ถ้าสืบประวัติก็จะเห็นได้ว่า แม้สมัยพระพุทธเจ้าคือกว่า 2500 ปีมาแล้วโน้น ศาสตร์นี้เป็นที่แพร่หลายในหมู่วรรณะ “พราหมณ์” เพราะพราหมณ์ถือว่า พวกตนเป็นสื่อหรือตัวแทนของเทพเจ้าในทองฟ้าบนสรวงสรรค์หรือดินฟ้าทั้งปวง วรรณะ กษัตริย์มักจะตั้งพวกพราหมณ์เป็นที่ปรึกษาราชการ เรียกตำแหน่งนี้ว่า “ปุโรหิต”
เพื่อให้สมอ้างข้อที่ว่า วิชาหมอดูเชื่อถือได้อย่างไร จึงใคร่ขอนำเอาประวัติโหรหลวง ที่มีชื่อเสียงดีที่สุดในประวัติศาสตร์ พงศาวดารไทยคือ พระโหราธิบดีในสมัยสมเด็จพระเจ้าปราสาททอง แห่งกรุงศรีอยุธยา มาเล่าสู่กันฟัง ดังต่อไปนี้
เกียรติประวัติพระโหราธิบดี พระโหราธิบดี เดิมชื่อเรียงเสียงไรไม่ปรากฏเพียงแต่กล่าวว่า เป็นชาวโอฆบุรี ซึ่งอยู่ระหว่างเมืองพิจิตร ติดต่อกับพิษณุโลก ท่านผู้นี้เป็นเจ้าของตำราแบเรียนภาษาไทย เล่มแรกสุด ซึ่งมีชื่อว่า “จินดามณี” ท่านมีบุตรชายสายโลหิตเป็นปราชญ์ ฉลาดเฉลียวตั้งแต่เยาว์วัยคนหนึ่ง คือ “ศรีปราชญ์” คงเป็นที่ทราบกันดีของผู้อ่านมาแล้ว
พระโหราธิบดี มีตำแหน่งเป็นเจ้ากรมโหรา หรือเรียกกันทั่วไปว่า “โหรหลวง” มีหน้าที่ใกล้ชิดพระเจ้าแผ่นดินมาก เข้านอกออกในราชสำนักได้ทุกวัน เวลา เพื่อปรึกษาและให้เหตุผลต่าง ๆ ตามพระราชประสงค์
อยู่มาครั้งหนึ่ง พระโหราธิบดี ได้ทำนายเหตุการณ์ล่วงหน้าไว้เป็นที่ประจักษ์ความแม่นยำมากที่สุดกล่าวคือ “พระเจ้าปราสาททอง” เองพระองค์ก็ทรงรู้เรื่องโหรบ้าง และไม่มีความเชื่อถือมากนัก แต่ตำแหน่งนี้มีมาแต่โบราณกาลก็ทรงให้มีตลอดเรื่อยมาก พระโหราฯ ทำนายทายทักเป็นที่ถูกพระทัยมาก และได้รับเกียรติยศชื่อเสียงมากที่สุด ดังปรากฏในพระราชพงศาวดารกรุงศรีอยุธยาตอนหนึ่งมีความว่า
“....ลุศักราช 1003 (พ.ศ.2184) ปีมะเส็งศก สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จพระราชดำเนินลงไปประพาสพระที่นั่งไอศวรรย์ทิพย์อาส์น วันนั้นเสด็จอยู่แรมเพลาค่ำออกมายืนอยู่หน้ามุขสมเด็จพระเจ้าลูกเธอพระนารายณ์ราชกุมารส่องโคม อสุนีตกลงมาต้องหน้าบันแว่นประดับรูปสัตว์ ตกลงมาแตกกระจายลงรอบองค์ สมเด็จพระพุทธเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ จะเป็นอันตรายหามิได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าให้พระโหราทำนายถวายพยากรณ์ว่า เป็นมหาศุภนิมิต จึงทรงพระกฤษดาภินิหารยิ่งขึ้นไปแล้วจะได้พระลาภต่างประเทศ ถึงเดือน 10 กำปั่นอลิมัคหรำลูกค้าเมืองเทศบรรทุกพรรณผ้าและได้ม้าเทศ สูง 3 ศอก 2 นิ้ว เข้ามาถวาย 2 ตัว กับกั้นหยั่นฝักคำถมยาราชาวดี ประดับนพรัตน์เล่มหนึ่งกับสิ่งของนอกนั้นเป็นอันมาก”
การทำนายครั้งนั้น ครั้งแรกพระเจ้าปราสาททองทรงเชื่อก็หาไม่ แต่พอเกิดผลขึ้น ต่อมาก็ทรงเชื่อเพียงครึ่งเดียวเท่านั้นเอง เพราะอาจเป็นคราวโชคดีไม่เป็นอันตราย และได้ข้าวของจากต่างประเทศก็ได้ แต่ก็ทรงประทานรางวับแก่พระโหราฯ ตามสมควร
ทำนายหนูและไฟไหม้วังหลวง
มีอยู่ครั้งต่อมา พระเจ้าปราสาททอง ทรงเรียกพระโหราธิบดี เข้าเฝ้าแล้วตรัสถามว่าต่อไปภายหน้าในระยะใกล้ ๆ นี้จะเป็นอย่างไรบ้าง ภายในบ้านเมืองเพราะพระองค์เองตอนนี้ซักจะทรงเชื่อวิชาโหรมากพอดูอยู่แล้ว เพื่อให้ผู้อ่านได้อ่านข้อเท็จจริงที่จารึกไว้ในประวัติศาสตร์ จึงใคร่ขอนำเอาใจความตอนปรากฏในพระราชพงศาวดารกรุงศรีอยุธยาคัดมาเล่ากันฟังดังนี้
“...ลุศักราช 1005 (พ.ศ.2186) ปีมะแมเบญจศก พระโหราถวายฤกษ์ฎีกาว่า ในสามวันนี้จะเกิดเพลิงไหม้ในพระราชวัง สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวได้ทรงฟังถึงตกพระทัย ด้วยพระโหราคนนี้ทายแม่นยำนัก ครั้งหนึ่งเสด็จอยู่ในพระที่นั่งไพชยนต์มหาปราสาท มุสิก (หนู) ตกลงมาทรงพระกรุณาเอาขันทองครอบไว้ให้หาพระโหรามาทายพระโหราคำนวณดูแล้ว แต่ที่ทายว่าสี่ตัวนั้นผิดแล้ว ครั้นเปิดขันทองขั้นเห็นหนูมุสิกคลานอยู่สามตัวกับแม่ตัวหนึ่งเป็นสี่ตัวก็เชื่อถือพระโหรายิ่งนัก
ครั้นทราบว่าจะเกิดเพลิงไหม้จึงมิไว้พระทัย ให้ขนทองในพระราชวังออกมาไปอยู่วัดชัยวัฒนาราม ทั้งเรือบัลลังก์ เรือศรี เรือคลัง คับคั่งแออัดกันอยู่และพระราชวังนั้น เกณฑ์ไพร่พรรคด้วยพร้าขอ ตะกร้อ น้ำรัก ห้ามมิให้หุงข้าวในพระราชวังและให้เรือตำรวจคอยบอกเหตุทุก ๆ โมง ครั้นถึงคำรบสามวันเวลาสายแล้ว สี่นาฬิกาเรือตำรวจลงไปกราบทูลพระกรุณาว่าสงบอยู่ สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวตรัสว่าครั้งนี้พระโหราธิบดีคงจะผิดอยู่แล้ว สั่งเรือเถิดจะเข้าพระราชวัง เจ้าพนักงานเคลื่อนเรือพระที่นั่งถึงเข้ารับเสด็จ พระเจ้าอยู่หัวเสด็จมาถึงฉนวนน้ำประจำ ที่พระโหราธิบดีอยู่ท้ายพายเรือพระที่นั่ง กราบทูลว่าขอย้ำฆ้องก่อนจึงจะ สิ้นพระเคราะห์ สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวก็ลอยเรือพระที่นั่งอยู่เพลาสายแล้ว ห้านาฬิกาเมฆตั้งพยับคลุ้มขึ้นข้างปราจินทิศ ฝนตกพรำ ๆ ลงมา ทรงพระกรุณาตรัสแก่พระโหราว่า ฝนตกลงมาสิ้นเหตุแล้วกระมัง พระโหรากราบทูลว่า ขอประทานงดก่อน พอสิ้นคำอสนีบาดเปรี้ยง ลงมาต้องเหมพระมหาปราสาทเป็นเพลิงติดเพลิงพุ่งขึ้นไหม้ลามลงมา คนทั้งหลายซึ่งอยู่ในพระราชวังมิรู้จะทำประการใดและดีบุกอันดาลหลังคานั้น ไหลสาดลงมาดังห่าฝนเพลิงก็ไหม้ติดต่อไปทั้งห้องคลังเรือนหน้าเรือนหลัง พระโหรากราบทูลพระกรุณาว่าดี จะมีลาภด้วยอิสริยะยศพระเกียรติจะปรากฏไปในนานาประเทศทั้งปวง บรรดาอริราชไพรีจะเกรงพระเดชานุภาพเป็นอันมาก สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวได้ทรงฟัง มีพระทัยปราโมทย์ยิ่งนัก ครั้งนั้น เพลิงไหม้แต่พระที่นั่งมังคลาภิเษกที่ชิดปราสาททอง และพระที่นั่งจักรพรรดิ ไพชยนต์มหาปราสาท และพระที่นั่งสรรเพชรปราสาทจะได้ไหม้ด้วยหามิได้ สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จเข้าพระราชวัง ทรงพระกรุณาให้ช่างจัดการก่อพระมหาปราสาท และทำคลังเรือนข้างในทั้งปวง สามเดือนเรือนข้างในจึงเสร็จ แต่พระมหาปราสาทปีหนึ่งจึงเสร็จในนามชื่อ “พระวิหารสมเด็จ”
ตามที่กล่าวมานี้แล้ว ปรากฏมีประวัติศาสตร์ไทยอีกประการหนึ่งที่นับว่าพระโหราธิบดี (หนู) ท่านทำนายไว้แม่นยำมาก นั่นคือ ชาตาของบุตรชายคนเดียวของท่านเองคือ ศรีปราชญ์ มหากวีเอกของไทยในสมัยพระนารายณ์มหาราชนั่นเอง (ดูประวัติพิสดาร ในหนังสือเรื่อง “กวีเรืองนามของไทย” ของผู้รวบรวมคนเดียวกันนี้) เพราะไม่รู้ที่สูงที่ต่ำ บังอาจต่อบทพระราชนิพนธ์ขององค์สมเด็จพระนารายณ์มหาราช โดยไม่ได้รับพระบรมราชานุญาติ พระโหราธิบดีผู้เป็นพ่อเห็นว่า เห็นท่าจะไม่สู้ดีนักจึงกราบทูลว่า หากบุตรชายของตนกระทำด้วยประการใด ๆ เป็นการล่วงละเมิดกฎมณเฑียรบาลถึงประหารชีวิตก็ขอได้โปรดเกล้าฯ เพียงจำคุก สมเด็จพระนารายณ์มหาราชก็ทรงยินยอมตาม แต่ด้วยเหตุที่ศรีปราชญ์บุตรชาย เป็นคนมุทะลุ คราวหนึ่งไปกระทำความผิดมีโทษถึงประหาร สมเด็จเจ้าฯ ทรงเนรเทศไปอยู่เมืองนคร (ศรีธรรมราช) โน้น บังเอิญปากกวีไม่มีวันอยู่เป็นสุข ยังบังอาจไปเกี้ยวพาราสีเมียของเจ้าเมืองนครฯ เข้าอีกเจ้าเมืองนครจึงจับประหารชีวิตจนได้ ทั้ง ๆ ที่ฤกษ์ตายเกิดของศรีปราชญ์ตกคราวจะต้องตายโหง ตามหลักโหราศาสตร์ที่บิดาตนได้พยากรณ์ไว้แต่เบื้องแรกแล้ว นี่ก็เท่ากับว่า วิชาหมอดูหรือโหราศาสตร์ มิใช่เรื่องเหลวไหล เลยขอให้เรียนรูกันจริง ๆ เท่านั้นเอง
ขอจบบทเกี่ยวกับเรื่อง “โหราศาสตร์กับชีวิตประจำวัน” ไว้แต่เพียงเท่านี้หวังใจเป็นอย่างยิ่งว่า ท่านผู้เป็นเจ้าของหนังสือเล่มนี้ คงจะได้รับประโยชน์จากหนังสือเล่มนี้ตามสมควร หากเอาจริงเอาจัง มิให้ใครมาดูหมิ่นเหยียดหยามว่า “เรามิใช่หมอเดา” แต่เป็นหมอดูอย่างแท้จริงในใต้ฟ้าเมืองไทย ที่มีผู้เคารพนับถือหลักโหราศาสตร์ทั้งหลาย ว่าเป็นศาสตร์ที่มีกฎเกณฑ์ที่แน่นอนและสามารถพิสูจน์ให้เห็นได้อย่างแท้จริง
ขอขอบพระคุณ ... ที่มา/อ้างอิง/ผู้เขียน : ตำราพรหมชาติฉบับสมบูรณ์ โดย สำนักพิมพ์อำนาจสาส์น
หมายเหตุ : เนื้อหาข้างต้นเผยแพร่แก่สาธารณะเพื่อประโยชน์ทางการศึกษา/วิทยาทานเท่านั้น
บันทึก : วันพุธที่ 9 กันยายน พ.ศ.2552
เพราะอะไรจึงเป็นเช่นนี้?
คำตอบหรือครับ โลกเรามีพระท่านสอนว่า “อนิจจัง” เป็นของไม่เที่ยงแท้ แน่นอน คนเรามีชีวิตอยู่ย่อมขึ้นต่อกรรม “ทำดีได้ดี ...ทำชั่วได้ชั่ว” แต่ข้อที่เราทุกคนไม่ควรมองข้ามก็คือ “โชควาสนา”
คนเราเกิดมาบ้างก็รูปสวย ร่ำรวยเสน่ห์ ใครเห็นใครรักขออุ้มชูอุปถัมภ์ มีที่ให้พำนัก พึ่งอาศัย บ้างก็รูปร่างอัปลักษณ์ คือ รูปชั่วตัวดำ ใครเห็นแม่ไม่เคยทำอะไรเขาเลยก็กลับ รังเกียจเดียดฉันท์ ไม่มีใครเขาเมตตาสงสาร เห็นเป็นคล้ายกับว่า เกิดมาต่างโลกต่างกำพืด เขาเสียเหลือเกิน
นี่แหละครับ ชีวิตของคนเราจึงหนี เวรทำกรรมแต่ง ไปพ้น
วิชาโหราศาสตร์ เป็น ศาสตร์ (Science) อย่างหนึ่ง ที่มีมาคู่กับมนุษย์ชาติแต่โบราณกาลแล้ว ชาวบ้านเรียกกันง่าย ๆ ว่า “หมอดู” ไงล่ะ พระราชามหากษัตริย์ของไทย เราพระองค์ก็ทรงมีตำแหน่งหมอดู ไว้เป็นคู่บัลลังก์คือ ตำแหน่ง “โหราธิบดี” ไว้เป็นที่ปรึกษาวางฤกษ์ยามเพื่อจะดำเนินข้อราชการทั่วไปทั้งภายในและภายนอกเช่นพระราชพิธีต่าง ๆ และการพิชัยสงคราม อันมีการยกทัพจับศึกเหนือเสือได้ตำแหน่งหมอดู จึงอยู่ใกล้ชิดกับราชบัลลังก์มากทีเดียว ภาษาชาวบ้านเรียกตำแหน่งนี้ว่า “โหรหลวง”
หมอดูเชื่อถือได้อย่างไร
ย่อมเป็นที่ทราบกันดีว่า “หมอดู” ถ้าไม่จริงก็ต้องคู่กับหมอเดานั่นเอง
ถ้าคนคิดที่จะเป็นหมอดู ก็ต้องศึกษาแสวงหาความรู้ทางนี้ อย่างถ่องแท้อย่าให้ใครเขาประณามได้ว่าเป็นหมอเดากันเลย มีคนส่วนมากไม่มีทางทำมาหากินก็คิดตั้งตัวเป็นหมอดูเอาง่าย ๆ ใครมาให้ทายก็ทายไปอย่างนั้นเอง คนเรามันหลายรายก็ย่อมมีทายถูกบางผิดบ้างเป็นธรรมดา แต่คนที่ไม่รู้จริงแล้วคนทายก็มักใช้วิธีเดามากกว่าดูทีเดียว ดังนั้นจะเห็นกันอยู่ตรงท้องสนามหลวง หรือเดินเตร่หาทายโชคชาตาตามบ้าน สถานที่ราชการทั่ว ๆ ไป
จึงใคร่ขอเรียนให้ท่านทราบว่า วิชาโหราศาสตร์ มิใช่แต่จะมีแต่ในเมืองไทย เท่านั้นเห็นจะมีเกือบทั่วโลก ทุกชาติ ทุกภาษารู้และมีหมอดูของตัวเอง แบบเมืองไทยเราเหมือนกัน
แต่ศาสตร์แขนงนี้ ถ้าสืบประวัติก็จะเห็นได้ว่า แม้สมัยพระพุทธเจ้าคือกว่า 2500 ปีมาแล้วโน้น ศาสตร์นี้เป็นที่แพร่หลายในหมู่วรรณะ “พราหมณ์” เพราะพราหมณ์ถือว่า พวกตนเป็นสื่อหรือตัวแทนของเทพเจ้าในทองฟ้าบนสรวงสรรค์หรือดินฟ้าทั้งปวง วรรณะ กษัตริย์มักจะตั้งพวกพราหมณ์เป็นที่ปรึกษาราชการ เรียกตำแหน่งนี้ว่า “ปุโรหิต”
เพื่อให้สมอ้างข้อที่ว่า วิชาหมอดูเชื่อถือได้อย่างไร จึงใคร่ขอนำเอาประวัติโหรหลวง ที่มีชื่อเสียงดีที่สุดในประวัติศาสตร์ พงศาวดารไทยคือ พระโหราธิบดีในสมัยสมเด็จพระเจ้าปราสาททอง แห่งกรุงศรีอยุธยา มาเล่าสู่กันฟัง ดังต่อไปนี้
เกียรติประวัติพระโหราธิบดี พระโหราธิบดี เดิมชื่อเรียงเสียงไรไม่ปรากฏเพียงแต่กล่าวว่า เป็นชาวโอฆบุรี ซึ่งอยู่ระหว่างเมืองพิจิตร ติดต่อกับพิษณุโลก ท่านผู้นี้เป็นเจ้าของตำราแบเรียนภาษาไทย เล่มแรกสุด ซึ่งมีชื่อว่า “จินดามณี” ท่านมีบุตรชายสายโลหิตเป็นปราชญ์ ฉลาดเฉลียวตั้งแต่เยาว์วัยคนหนึ่ง คือ “ศรีปราชญ์” คงเป็นที่ทราบกันดีของผู้อ่านมาแล้ว
พระโหราธิบดี มีตำแหน่งเป็นเจ้ากรมโหรา หรือเรียกกันทั่วไปว่า “โหรหลวง” มีหน้าที่ใกล้ชิดพระเจ้าแผ่นดินมาก เข้านอกออกในราชสำนักได้ทุกวัน เวลา เพื่อปรึกษาและให้เหตุผลต่าง ๆ ตามพระราชประสงค์
อยู่มาครั้งหนึ่ง พระโหราธิบดี ได้ทำนายเหตุการณ์ล่วงหน้าไว้เป็นที่ประจักษ์ความแม่นยำมากที่สุดกล่าวคือ “พระเจ้าปราสาททอง” เองพระองค์ก็ทรงรู้เรื่องโหรบ้าง และไม่มีความเชื่อถือมากนัก แต่ตำแหน่งนี้มีมาแต่โบราณกาลก็ทรงให้มีตลอดเรื่อยมาก พระโหราฯ ทำนายทายทักเป็นที่ถูกพระทัยมาก และได้รับเกียรติยศชื่อเสียงมากที่สุด ดังปรากฏในพระราชพงศาวดารกรุงศรีอยุธยาตอนหนึ่งมีความว่า
“....ลุศักราช 1003 (พ.ศ.2184) ปีมะเส็งศก สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จพระราชดำเนินลงไปประพาสพระที่นั่งไอศวรรย์ทิพย์อาส์น วันนั้นเสด็จอยู่แรมเพลาค่ำออกมายืนอยู่หน้ามุขสมเด็จพระเจ้าลูกเธอพระนารายณ์ราชกุมารส่องโคม อสุนีตกลงมาต้องหน้าบันแว่นประดับรูปสัตว์ ตกลงมาแตกกระจายลงรอบองค์ สมเด็จพระพุทธเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ จะเป็นอันตรายหามิได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าให้พระโหราทำนายถวายพยากรณ์ว่า เป็นมหาศุภนิมิต จึงทรงพระกฤษดาภินิหารยิ่งขึ้นไปแล้วจะได้พระลาภต่างประเทศ ถึงเดือน 10 กำปั่นอลิมัคหรำลูกค้าเมืองเทศบรรทุกพรรณผ้าและได้ม้าเทศ สูง 3 ศอก 2 นิ้ว เข้ามาถวาย 2 ตัว กับกั้นหยั่นฝักคำถมยาราชาวดี ประดับนพรัตน์เล่มหนึ่งกับสิ่งของนอกนั้นเป็นอันมาก”
การทำนายครั้งนั้น ครั้งแรกพระเจ้าปราสาททองทรงเชื่อก็หาไม่ แต่พอเกิดผลขึ้น ต่อมาก็ทรงเชื่อเพียงครึ่งเดียวเท่านั้นเอง เพราะอาจเป็นคราวโชคดีไม่เป็นอันตราย และได้ข้าวของจากต่างประเทศก็ได้ แต่ก็ทรงประทานรางวับแก่พระโหราฯ ตามสมควร
ทำนายหนูและไฟไหม้วังหลวง
มีอยู่ครั้งต่อมา พระเจ้าปราสาททอง ทรงเรียกพระโหราธิบดี เข้าเฝ้าแล้วตรัสถามว่าต่อไปภายหน้าในระยะใกล้ ๆ นี้จะเป็นอย่างไรบ้าง ภายในบ้านเมืองเพราะพระองค์เองตอนนี้ซักจะทรงเชื่อวิชาโหรมากพอดูอยู่แล้ว เพื่อให้ผู้อ่านได้อ่านข้อเท็จจริงที่จารึกไว้ในประวัติศาสตร์ จึงใคร่ขอนำเอาใจความตอนปรากฏในพระราชพงศาวดารกรุงศรีอยุธยาคัดมาเล่ากันฟังดังนี้
“...ลุศักราช 1005 (พ.ศ.2186) ปีมะแมเบญจศก พระโหราถวายฤกษ์ฎีกาว่า ในสามวันนี้จะเกิดเพลิงไหม้ในพระราชวัง สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวได้ทรงฟังถึงตกพระทัย ด้วยพระโหราคนนี้ทายแม่นยำนัก ครั้งหนึ่งเสด็จอยู่ในพระที่นั่งไพชยนต์มหาปราสาท มุสิก (หนู) ตกลงมาทรงพระกรุณาเอาขันทองครอบไว้ให้หาพระโหรามาทายพระโหราคำนวณดูแล้ว แต่ที่ทายว่าสี่ตัวนั้นผิดแล้ว ครั้นเปิดขันทองขั้นเห็นหนูมุสิกคลานอยู่สามตัวกับแม่ตัวหนึ่งเป็นสี่ตัวก็เชื่อถือพระโหรายิ่งนัก
ครั้นทราบว่าจะเกิดเพลิงไหม้จึงมิไว้พระทัย ให้ขนทองในพระราชวังออกมาไปอยู่วัดชัยวัฒนาราม ทั้งเรือบัลลังก์ เรือศรี เรือคลัง คับคั่งแออัดกันอยู่และพระราชวังนั้น เกณฑ์ไพร่พรรคด้วยพร้าขอ ตะกร้อ น้ำรัก ห้ามมิให้หุงข้าวในพระราชวังและให้เรือตำรวจคอยบอกเหตุทุก ๆ โมง ครั้นถึงคำรบสามวันเวลาสายแล้ว สี่นาฬิกาเรือตำรวจลงไปกราบทูลพระกรุณาว่าสงบอยู่ สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวตรัสว่าครั้งนี้พระโหราธิบดีคงจะผิดอยู่แล้ว สั่งเรือเถิดจะเข้าพระราชวัง เจ้าพนักงานเคลื่อนเรือพระที่นั่งถึงเข้ารับเสด็จ พระเจ้าอยู่หัวเสด็จมาถึงฉนวนน้ำประจำ ที่พระโหราธิบดีอยู่ท้ายพายเรือพระที่นั่ง กราบทูลว่าขอย้ำฆ้องก่อนจึงจะ สิ้นพระเคราะห์ สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวก็ลอยเรือพระที่นั่งอยู่เพลาสายแล้ว ห้านาฬิกาเมฆตั้งพยับคลุ้มขึ้นข้างปราจินทิศ ฝนตกพรำ ๆ ลงมา ทรงพระกรุณาตรัสแก่พระโหราว่า ฝนตกลงมาสิ้นเหตุแล้วกระมัง พระโหรากราบทูลว่า ขอประทานงดก่อน พอสิ้นคำอสนีบาดเปรี้ยง ลงมาต้องเหมพระมหาปราสาทเป็นเพลิงติดเพลิงพุ่งขึ้นไหม้ลามลงมา คนทั้งหลายซึ่งอยู่ในพระราชวังมิรู้จะทำประการใดและดีบุกอันดาลหลังคานั้น ไหลสาดลงมาดังห่าฝนเพลิงก็ไหม้ติดต่อไปทั้งห้องคลังเรือนหน้าเรือนหลัง พระโหรากราบทูลพระกรุณาว่าดี จะมีลาภด้วยอิสริยะยศพระเกียรติจะปรากฏไปในนานาประเทศทั้งปวง บรรดาอริราชไพรีจะเกรงพระเดชานุภาพเป็นอันมาก สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวได้ทรงฟัง มีพระทัยปราโมทย์ยิ่งนัก ครั้งนั้น เพลิงไหม้แต่พระที่นั่งมังคลาภิเษกที่ชิดปราสาททอง และพระที่นั่งจักรพรรดิ ไพชยนต์มหาปราสาท และพระที่นั่งสรรเพชรปราสาทจะได้ไหม้ด้วยหามิได้ สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จเข้าพระราชวัง ทรงพระกรุณาให้ช่างจัดการก่อพระมหาปราสาท และทำคลังเรือนข้างในทั้งปวง สามเดือนเรือนข้างในจึงเสร็จ แต่พระมหาปราสาทปีหนึ่งจึงเสร็จในนามชื่อ “พระวิหารสมเด็จ”
ตามที่กล่าวมานี้แล้ว ปรากฏมีประวัติศาสตร์ไทยอีกประการหนึ่งที่นับว่าพระโหราธิบดี (หนู) ท่านทำนายไว้แม่นยำมาก นั่นคือ ชาตาของบุตรชายคนเดียวของท่านเองคือ ศรีปราชญ์ มหากวีเอกของไทยในสมัยพระนารายณ์มหาราชนั่นเอง (ดูประวัติพิสดาร ในหนังสือเรื่อง “กวีเรืองนามของไทย” ของผู้รวบรวมคนเดียวกันนี้) เพราะไม่รู้ที่สูงที่ต่ำ บังอาจต่อบทพระราชนิพนธ์ขององค์สมเด็จพระนารายณ์มหาราช โดยไม่ได้รับพระบรมราชานุญาติ พระโหราธิบดีผู้เป็นพ่อเห็นว่า เห็นท่าจะไม่สู้ดีนักจึงกราบทูลว่า หากบุตรชายของตนกระทำด้วยประการใด ๆ เป็นการล่วงละเมิดกฎมณเฑียรบาลถึงประหารชีวิตก็ขอได้โปรดเกล้าฯ เพียงจำคุก สมเด็จพระนารายณ์มหาราชก็ทรงยินยอมตาม แต่ด้วยเหตุที่ศรีปราชญ์บุตรชาย เป็นคนมุทะลุ คราวหนึ่งไปกระทำความผิดมีโทษถึงประหาร สมเด็จเจ้าฯ ทรงเนรเทศไปอยู่เมืองนคร (ศรีธรรมราช) โน้น บังเอิญปากกวีไม่มีวันอยู่เป็นสุข ยังบังอาจไปเกี้ยวพาราสีเมียของเจ้าเมืองนครฯ เข้าอีกเจ้าเมืองนครจึงจับประหารชีวิตจนได้ ทั้ง ๆ ที่ฤกษ์ตายเกิดของศรีปราชญ์ตกคราวจะต้องตายโหง ตามหลักโหราศาสตร์ที่บิดาตนได้พยากรณ์ไว้แต่เบื้องแรกแล้ว นี่ก็เท่ากับว่า วิชาหมอดูหรือโหราศาสตร์ มิใช่เรื่องเหลวไหล เลยขอให้เรียนรูกันจริง ๆ เท่านั้นเอง
ขอจบบทเกี่ยวกับเรื่อง “โหราศาสตร์กับชีวิตประจำวัน” ไว้แต่เพียงเท่านี้หวังใจเป็นอย่างยิ่งว่า ท่านผู้เป็นเจ้าของหนังสือเล่มนี้ คงจะได้รับประโยชน์จากหนังสือเล่มนี้ตามสมควร หากเอาจริงเอาจัง มิให้ใครมาดูหมิ่นเหยียดหยามว่า “เรามิใช่หมอเดา” แต่เป็นหมอดูอย่างแท้จริงในใต้ฟ้าเมืองไทย ที่มีผู้เคารพนับถือหลักโหราศาสตร์ทั้งหลาย ว่าเป็นศาสตร์ที่มีกฎเกณฑ์ที่แน่นอนและสามารถพิสูจน์ให้เห็นได้อย่างแท้จริง
ขอขอบพระคุณ ... ที่มา/อ้างอิง/ผู้เขียน : ตำราพรหมชาติฉบับสมบูรณ์ โดย สำนักพิมพ์อำนาจสาส์น
หมายเหตุ : เนื้อหาข้างต้นเผยแพร่แก่สาธารณะเพื่อประโยชน์ทางการศึกษา/วิทยาทานเท่านั้น
บันทึก : วันพุธที่ 9 กันยายน พ.ศ.2552
Subscribe to:
Posts (Atom)